“หุ้นเอเชีย” เปิดบวก! หลังดาวโจนส์ปิดพุ่ง 200 จุด ขานรับข้อมูลศก.สหรัฐแกร่ง

“หุ้นเอเชีย” เปิดบวก! หลังดาวโจนส์ปิดพุ่ง 196.67 จุด จุด ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ โดยดัชนี PCE พื้นฐาน เพิ่มขึ้น 0.50% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังเพิ่มขึ้น 0.40% ในเดือนต.ค.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเปิดแดนบวกวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกที่ระดับ 196.67 จุด เมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.2564) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน หลังผลการวิจัยของหลายสถาบันบ่งชี้ว่าความเสี่ยงของไวรัสโอมิครอนมีน้อยกว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตา

โดยดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,836.05 จุด เพิ่มขึ้น 37.68 จุด หรือ +0.13%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,375.99 จุด เพิ่มขึ้น 182.35 จุด หรือ +0.79% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,645.39 จุด เพิ่มขึ้น 2.05 จุด หรือ +0.06%

สำหรับนักลงทุนขานรับปัจจัยบวกจากการเปิดเผยผลการวิจัยของอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน, มหาวิทยาลัยเอดินบะระแห่งสกอตแลนด์ และสถาบันโรคติดต่อแห่งชาติของแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ความเสี่ยงที่ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้น มีน้อยกว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา นอกจากนี้ ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโอมิครอนมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรครุนแรงน้อยกว่าผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเดลตา

ด้านบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าเปิดเผยผลการวิจัยล่าสุดระบุว่า วัคซีนเข็มบูสเตอร์ของบริษัทมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน นอกจากนี้ ผลการวิจัยในห้องแล็บยังบ่งชี้ว่า ยาเอวูเชลด์ (Evusheld) ซึ่งเป็นยาแอนติบอดีแบบผสม (Antibody Cocktail) ของแอสตร้าเซนเนก้า สามารถลบล้างฤทธิ์ของไวรัสโอมิครอนได้

อีกทั้งตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) อนุมัติยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ของบริษัทเมอร์ค เป็นยารักษาผู้ป่วยโควิด-19 เมื่อวานนี้ ซึ่งนับเป็นยาตัวที่สองที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้รักษาผู้ป่วยโควิดในสหรัฐ หลังจากที่ FDA เพิ่งอนุมัติยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) ของบริษัทไฟเซอร์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

นอกจากนี้นักลงทุนยังซึมซับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.50% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังเพิ่มขึ้น 0.40% ในเดือนต.ค.

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยอยู่ที่ระดับ 205,000 รายหลังมีการปรับตัวเลข ซึ่งตรงกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

Back to top button