XO ลุ้นไตรมาส 2 ฟื้นแกร่ง โบรกฯชูเป้า 22 บ. มองกำไรปี 65 โตแตะ 470 ลบ.

“บล.ฟินันเซีย” แนะถือ XO คงราคาเป้า 22 บาท มองผลงานไตรมาส 2/65 เริ่มฟื้น คงประมาณการกำไรปี 65 ที่ระดับ 470 ล้านบาท โต 3.1% จากปีก่อน


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (25 ม.ค.65) ประเมินเกี่ยวกับ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO โดยคาดกำไรไตรมาส 4/64 จะเติบโตทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะเดียวกันยังคงมุมมองต่อแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/64 ไว้ตามเดิมอยู่ที่ราว 101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% จากไตรมาสก่อน และ เพิ่มขึ้น 21.7% จากปีก่อน

โดยการกลับมาฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหลังปัญหา Packaging Supply Chain คลี่คลายจนเกือบเป็นปกติแล้ว ยังเหลือปัญหา Container Shortage ที่ยังหาสายเรือได้ลำบากอยู่บ้าง จึงคาดรายได้จะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 368 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 18.7% จากปีก่อน ยังเป็นระดับที่ต่ำกว่าจุดพีคที่เคยทำได้ที่ 456 ล้านบาท ในไตรมาส 2/64 และคาดอัตรากำไรขั้นต้นยังทรงตัวสูงที่ระดับ 43.5% แต่จะเห็นกว่าการเติบโตของกำไรต่ำกว่ารายได้เล็กน้อย มาจากค่าใช้จ่ายที่คาดขยับขึ้น +5.6% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อนจากค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นราว 1-2 ล้านบาท ต่อไตรมาส จากการ Renovate ออฟฟิศที่กทม.

ส่วนแนวโน้มคำสั่งซื้อล่าสุดในไตรมาส 1/65 ยังดูค่อนไปในทางทรงตัวจากไตรมาสก่อน และจากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 350-370 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมองว่าน่าจะมาจากปัญหาสายเรือที่คาดยังมีต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 65 และคำสั่งซื้อของลูกค้าที่ปกติจะคาดการณ์ยากอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับแผนการทำการตลาด จึงมีความเป็นไปได้ที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 1/65 อาจทรงตัวจากไตรมาสก่อนต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ผู้บริหารยังตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เติบโต 10%-15% จากปีก่อน ซึ่งคาดหวังเห็นการโตตั้งแต่ไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป โดยบริษัทมีแผนสนับสนุนค่า Listing Fee ให้กับ Distributor ต่อเป็นปีที่ 2 รวมถึงมีแผนกลับไปร่วมออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศอีกครั้ง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โอมิครอนในแต่ละประเทศ

โดยสถานการณ์ด้านวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ของบริษัทโดยรวมถือว่ายังมีทิศทางที่ดี ถูกกระทบจาก Inflation Issues ค่อนข้างจำกัด มีเพียงน้ำตาลปรับขึ้น 5%-10% (สัดส่วนน้ำตาลคิดเป็น 6% ของต้นทุนรวม) และปัจจุบันล็อคราคาวัตถุดิบยาวไปถึงสิ้นปี 2565 แล้ว เช่นเดียวกับ Packaging มีเพียงกล่องกระดาษที่ราคาปรับขึ้น 10% ซึ่งต้นทุนกล่องกระดาษคิดเป็นเพียง 4% ของต้นทุนรวม

ขณะที่ยังต้องติดตามการฟื้นตัวของคำสั่งซื้อว่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายของบริษัทหรือไม่ ดังนั้นยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-65 ไว้ที่ 455 ล้านบาท (+42.8% เทียบกับปีก่อน) และ 469 ล้านบาท (+3.1% จากปีก่อน) และคงเป้าที่ 22 บาท (อิง PE เดิม 20 เท่า)

Back to top button