CWT ดัน “ชัยวัฒนา กรีนฯ” ลุยสินทรัพย์ดิจิทัล หนุนผลงานอนาคตโตแกร่ง

CWT มีมติให้ “ชัยวัฒนา กรีน แมนเนจเม้นท์” ศึกษาการนำกำลังการผลิตส่วนเกินของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพื่อนำมาใช้เป็น Green Bitcoin Mining มุ่งสร้าง New S Curve ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน


นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทย่อยมีมติให้ บริษัท ชัยวัฒนา กรีน แมนเนจเม้นท์ จำกัด ดำเนินการขอเพิ่มวัตถุประสงค์เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมศึกษาการนำกำลังการผลิตส่วนเกินที่เหลืออยู่ของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพื่อนำมาใช้เป็น  Green Bitcoin Mining รองรับนโยบาย Net Zero หรือเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์อีกด้วย

สำหรับการขุดบิตคอยน์นั้นใช้พลังงานอย่างมหาศาลถึง 110 เทราวัตต์ ชั่วโมงต่อปี ซึ่งเทียบเท่าการใช้พลังงานของประเทศเล็กๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้หลายประเทศหันมาให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น ประกอบกับผลการประชุม COP26 ที่ประเทศไทย ได้มีส่วนร่วมเป็นภาคีสมาชิกที่มีเป้าหมายสำคัญ คือการควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้สูงเกินกว่า 2 องศาเซลเซียส

ทั้งนี้ประกอบกับนโยบาย Net Zero การไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการแก้ไขวิกฤตสภาพอากาศ จึงเล็งเห็นโอกาสจากการใช้พลังงานหมุนเวียนจากกำลังการผลิตส่วนเกินทั้งในโครงการของกลุ่มบริษัทและพันธมิตรที่จะได้ร่วมกันสร้าง Bitcoin Mining ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  ให้มีสัดส่วนของพลังงานที่ใช้ในการขุดเหรียญดิจิทัลที่ไม่ก่อมลพิษที่จะเพิ่มให้กับโลก ทั้งยังมีต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ต่ำกว่าซื้อจากการไฟฟ้าและลดการใช้ทรัพยากรของส่วนรวมได้ โดยคาดว่าจะเห็นความคืบหน้าของโครงการภายในปีนี้

“ทางเรามั่นใจการขยายการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล สร้างเหมืองขุดบิตคอยน์จากการใช้พลังงานหมุนเวียน (Green Bitcoin Mining) จะช่วยสร้าง New S Curve ให้กับธุรกิจ และเป็นการต่อยอดธุรกิจเดิมที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว สนับสนุนผลงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นโดย” วีระพล กล่าว 

อนึ่งบริษัทฯ  มีโรงไฟฟ้าที่ขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) โดยมีขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ และมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาคือ โรงไฟฟ้าขยะชุมชน ในจังหวัดนครสวรรค์ขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ปัจจุบันได้สัญญาบริหารจัดการขยะแล้ว 25 ปี และอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานแยกขยะเพื่อเตรียมการต่อยอดเป็นโรงไฟฟ้าขยะชุมชนได้แน่นอน

Back to top button