SICT ฟาดกำไรปี 64 โต 86% รับรายได้พุ่ง-คุมต้นทุนเด่น แจกปันผล 0.043 บ. XD 6 พ.ค.65

SICT รายงานกำไรสุทธิปี 64 เติบโตก้าวกระโดด 86% ส่วนรายได้รวมโตเกินกว่าเป้าหมายที่ 25% จากการควบคุมบริหารจัดการต้นทุนและการวางแผนงานที่มีประสิทธิภาพ พร้อมแจกปันผล 0.043 บ. ขึ้น XD 6 พ.ค.65 กำหนดจ่าย 25 พ.ค.นี้


บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SICT ผู้ออกแบบและจำหน่ายไมโครชิพอัจฉริยะสัญชาติไทย ที่ได้รับความไว้วางใจจากหลากหลายประเทศทั่วโลก ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับปี 2564 มีกำไรสุทธิเป็นจำนวน 64.0 ล้านบาท เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 86% จากปีก่อนหน้า เป็นผลมาจากรายได้ที่เติบโตเกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้และการควบคุมบริหารจัดการต้นทุนและการวางแผนงานที่มีประสิทธิภาพ

ขณะที่รายได้รวมของปี 2564 มีจำนวน 421.7 ล้านบาท เติบโตขึ้น 25% ซึ่งมากกว่าเป้าหมาย 10-20% ที่ทางบริษัทได้คาดการณ์ไว้ โดยการเติบโตของรายได้ดังกล่าวมาจากความต้องการของตลาดไมโครชิพที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทจากแนวโน้มความต้องการใช้งานจากเทคโนโลยีไมโครชิพที่ผนวกเข้ากับอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นต่างๆ ทั้งในภาคธุรกิจและการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมามีการขยายฐานจำนวนลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ทำให้ตลาดของบริษัทในปัจจุบันครอบคลุมทั้งในทวีปยุโรป สาธารณรัฐประชาชนจีน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลี สหรัฐอเมริกา และประเทศไทย

โดยการเติบโตของรายได้ดังกล่าวได้มีการเพิ่มขึ้นของรายได้ในทุกกลุ่มธุรกิจที่บริษัทมีผลิตภัณฑ์ในธุรกิจเหล่านั้น โดยกลุ่มระบบเข้า-ออกสถานที่และระบบการอ่านข้อมูล (Access Control/Reader Group) มีการเติบโตมากที่สุดและคิดเป็นสัดส่วนหลักของรายได้ที่เพิ่มขึ้น ตามมาด้วยกลุ่มระบบลงทะเบียนสัตว์ (Animal ID) กลุ่มระบบกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ (Immobilizer) และกลุ่ม NFC ตามลำดับ

อย่างไรก็ตามในปี 2564 แม้ว่าบริษัทจะมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่สถานการณ์ขาดแคลนวัตถุดิบไมโครชิพและกำลังการผลิตในตลาด (Supply Shortage) นั้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัท ทำให้บริษัทไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งหมดได้ และสถานการณ์เหล่านี้ยังคงดำเนินอยู่และเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก ซึ่งบริษัทคาดการณ์ว่าสถานการณ์ Supply Shortage จะดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2565 จึงน่าจะปรับตัวดีขึ้น ในระยะยาวหลังจากการลงทุนขยายโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิตทั่วโลกได้ดำเนินการสำเร็จ จะมีแนวโน้มทำให้ Demand และ Supply กลับเข้าหาจุดสมดุล

ทั้งนี้บริษัทได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการตามแผนการต่างๆ ตั้งแต่ปลายปี 2563 เพื่อลดผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทเองและต่อการดำเนินธุรกิจของลูกค้า

พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติเห็นชอบการจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2564 ที่ 0.043 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินจำนวน 17.2 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้มีการพิจารณาเตรียมเงินสำรองสำหรับลดผลกระทบจากสถานการณ์ขาดแคลนของวัตถุดิบและความไม่เพียงพอของกำลังการผลิตในตลาด เพื่อเพิ่มความสามารถในการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลเป็นวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 และกำหนดการจ่ายเงินปันผลภายในวันที่ 25 พฤษภาคม 2565

Back to top button