GEL เพิ่มทุน-แจกวอร์แรนต์ ระดมเงินคว้างานรัฐ-เอกชน หนุนผลงานปี 65 เทิร์นอะราวด์

GEL เตรียมเพิ่มทุน-แจกวอร์แรนต์ หวังใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการเข้ารับงานใหม่ๆ ซึ่งจะผลักดันให้บริษัทมีรายได้และกำไรที่ยั่งยืนและมั่นคงในอนาคต


นายธิติพงศ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEL เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2565 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตกว่าเท่าตัว เทียบปีที่ผ่านมารายได้รวมอยู่ที่ 1,662 ล้านบาท

โดยได้รับปัจจัยหนุนจากงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 3,800 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2566 และงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ที่เดินหน้าขยายการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น จากการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และการคลายล็อกดาวน์กิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาครัฐ ทำให้งานก่อสร้างกลับมาคึกคัก

“มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้จะฟื้นตัวแรง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากงานด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของทางภาครัฐและเอกชน และ GEL พร้อมรอเข้าประมูลงานต่างๆ เพื่อเพิ่มปริมาณงานในมือ โดยคาดว่าจะสามารถคว้างานใหม่ได้ราว 2,500-3,000 ล้านบาท ผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น”นายธิติพงศ์ กล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 2,699 ล้านหุ้น จากทุนจดทะเบียนเดิม 4,588 ล้านบาท เป็น 6,882 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 2,699 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.85 บาท เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) 1,799 ล้านหุ้น สัดส่วน 3:1 ราคาหุ้นละ 0.23 บาท

ส่วนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลืออีกประมาณ 900 ล้านหุ้น รองรับใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) รุ่นที่ 5 หรือ GEL-W5 ที่จัดสรรฟรีให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อและชำระค่าหุ้นเพิ่มทุน สัดส่วน 2:1 ในราคาใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นละ 0.50 บาท ทั้งนี้บริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) วันที่ 10 พฤษภาคม 2565 และกำหนดวันจองซื้อและรับชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม 2565 – 2 มิถุนายน 2565

การเพิ่มทุนในครั้งนี้เป็นแบบมีวัตถุประสงค์ชัดเจน โดยหลักเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนและเสริมสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทในการรองรับงานที่จะเพิ่มเข้ามามากในปีนี้ โดยบริษัทได้มีการขยายไปรับงานโครงการภาครัฐบาลมากยิ่งขึ้น อันจะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ปัจจุบันบริษัทมีงานในมืออยู่จำนวน 3,820 ล้านบาท และรองรับรายได้ที่จะโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด นายธิติพงศ์ กล่าว

นายธิติพงศ์ กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้คาดว่าจะเทิร์นอะราวด์อย่างชัดเจนจากปริมาณงานในมือรอรับรู้รายได้ที่เพิ่มมากขึ้น หลังจากบริษัทฯ ได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ รองรับการขยายการลงทุนเมกะโปรเจค ซึ่งเชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้ Backlog เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 5 ปีข้างหน้า อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรส่งผลให้บริษัทฯ มีต้นทุนการดำเนินงานลดลง เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัท มีรายได้รวม 1,662 ล้านบาท ขาดทุนลดลงเหลือ 107 ล้านบาท เทียบปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 156 ล้านบาท ขณะที่งบเดี่ยวพลิกมีกำไร 6 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีผลขาดทุน 140 ล้านบาท

Back to top button