สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 7 มี.ค. 2565

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 7 มี.ค. 2565


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ปิดทรุดตัวลงเกือบ 800 จุดในวันจันทร์ (7 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันอันเนื่องมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนนั้น จะผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นและส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,817.38 จุด ร่วงลง 797.42 จุด หรือ -2.37%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,201.09 จุด ลดลง 127.78 จุด หรือ -2.95% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,830.96 จุด ลดลง 482.48 จุด หรือ -3.62%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงในวันจันทร์ (7 มี.ค.) แต่ดีดตัวขึ้นพ้นจากระดับต่ำสุดของวัน โดยได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 130 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนทำให้ตลาดหุ้นเยอรมนีและอิตาลีเข้าสู่ภาวะซบเซาหรือภาวะหมี (bear market)

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 417.13 จุด ลดลง 4.65 จุด หรือ -1.10%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,982.27 จุด ลดลง 79.39 จุด หรือ -1.31%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,834.65 จุด ลดลง 259.89 จุด หรือ -1.98% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,959.48 จุด ลดลง 27.66 จุด หรือ -0.40%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันจันทร์ (7 มี.ค.) แต่ฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 เดือน หลังราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นนั้นได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ ขณะที่นักลงทุนยังคงระมัดระวังในการซื้อขาย เนื่องจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,959.48 จุด ลดลง 27.66 จุด หรือ -0.40% หลังร่วงลงอย่างหนักถึง 2.8%

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีในวันจันทร์ (7 มี.ค.) หลังมีรายงานว่าสหรัฐและชาติพันธมิตรในยุโรปกำลังพิจารณาระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเพื่อตอบโต้รัสเซียที่ใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 3.72 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 119.40 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2551

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 5.10 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 123.21 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2555

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 30 ดอลลาร์ในวันจันทร์ (5 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 29.3 ดอลลาร์ หรือ 1.49% ปิดที่ 1,995.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. 2563

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 6.9 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 25.72 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 1,116.6 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 80 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 2,901.90 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (4 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.65% แตะที่ 99.2900

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 115.31 เยน จากระดับ 114.77 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ  0.9261 ฟรังก์ จากระดับ 0.9182 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2806 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2742 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0858 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0913 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3103 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3219 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7328 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7370 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button