“ฟินันเซีย” แนะเก็งกำไร TVO เป้าใหม่ 34 บ. ชี้ราคา “ถั่ว” ดี กำไร Q1 ฟื้นแรง

“บล.ฟินันเซีย ไซรัส” แนะเก็งกำไร TVO ปรับขึ้นราคาเป้าหมายใหม่ 34 บ. ชี้ราคา “ถั่ว” ดี กำไรไตรมาส 1/65 มีแนวโน้มฟื้นแรง 400% เทียบกับไตรมาสก่อน


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้นบริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO ราคาเป้าหมาย 34 บาท โดย USDA ออกรายงานเดือนเมษายน 2565 โดยปรับลดปริมาณผลผลิตถั่วเหลืองโลกลง 3.08 ล้านตัน เป็น 350.72 ล้านตัน (-4.6% จากปีก่อน) จากเดิมก่อนที่คาดไว้ 353.8 ล้านตัน มาจากการปรับลดผลผลิตของบราซิลลงเป็น 125 ล้านตัน จากเดือนก่อนที่ 127 ล้านตัน จากภาวะ La Nina ทำให้อเมริกาใต้เผชิญปัญหาภัยแล้ง และกระทบต่อผลผลิต บราซิลลดลง -10% จากปีก่อน และอาร์เจนติน่า -5.8% จากปีก่อน รวม 2 ประเทศผลผลิตลดลง 17.2 ล้านตัน

ทั้งนี้ แม้คาดผลผลิตของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 5% หรือ 6 ล้านตัน ซึ่งไม่สามารถชดเชยได้หมด จึงคาดสต็อกถั่วเหลืองโลกปี 2564-65 จะลดลง 13.5 ล้านตัน เป็น 89.6 ล้านตัน หรือลดลงราว -13% จากปีก่อน และผลผลิตอเมริกาใต้ที่ลดลง ยิ่งทำให้ความ ต้องการถั่วเหลืองจากสหรัฐสูงขึ้น (กำลังเข้าสู่ช่วงเพาะปลูกของสหรัฐเดือน พ.ค.- มิ.ย. และผลผลิตจะทยอยออกช่วงปลายปี) และเริ่มมีการสั่งซื้อล่วงหน้าแล้ว USDA จึงคาดสต็อกถั่วเหลืองของสหรัฐจะยังตึงตัวต่อไปอยู่ที่ 7 ล้านตัน

พร้อมกันนี้ คาดราคาถั่วเหลืองในช่วง 6 เดือนข้างหน้าอยู่ในกรอบ US$15-16 ต่อบุชเชล โดยราคาถั่วเหลืองเฉลี่ยไตรมาส 1/65 อยู่ที่ US$15.6 ต่อบุชเชล (+24.7% จากไตรมาสก่อน, +12.2% จากปีก่อน) แม้ส่วนหนึ่งจะมีสงครามกดดันให้ราคาธัญพืชปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาถั่วเหลืองไปทำจุดสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ US$17.18 ต่อบุชเชลในเดือนมีนาคม ปัจจุบันแรงกดดันจาก สงครามเริ่มผ่อนคลาย แต่ราคาถั่วเหลืองเดือนเมษายน MTD เฉลี่ยยังอยู่ที่ US$16.22 ต่อบุชเชล (-3% เทียบกับเดือนก่อน, +11% จากปีก่อน) ถือเป็นระดับที่สูง ซึ่งมองว่าผลกระทบจากปัจจัยพื้นฐานของถั่วเหลืองมีน้ำหนักต่อราคามากกว่าสงคราม จึงคงมุมมองเชิงบวกต่อราคาถั่วเหลืองในอีก 6 เดือนข้างหน้า

อย่างไรก็ตามคาดกำไรไตรมาส 1/65 จะฟื้นแรงจากไตรมาสก่อน  Q-Q แต่ลดลงจากปีก่อน เพราะฐานสูงผิดปกติ คาดกำไรไตรมาส 1/65 จะฟื้นตัวแรง 545 ล้านบาท (+449% จากไตรมาสก่อน, -38.2% จากปีก่อน) โตสูงเพราะฐานต่ำในไตรมาสก่อนที่ต้นทุนถั่วสูงขึ้น, ถูกกระทบจาก ASF ทำให้ปริมาณขายกากถั่วเหลืองลดลง และหยุดซ่อมบำรุงเครื่องจักร

ขณะที่ไตรมาสนี้สถานการณ์ ASF เริ่มดีขึ้น หลังราคาเนื้อสัตว์ปรับขึ้นแรง หนุนให้ความต้องการอาหารสัตว์สูงขึ้น กอปรกับคาดราคาขายกากถั่วเหลืองปรับขึ้นเล็กน้อย ส่วนธุรกิจน้ำมันถั่วเหลืองยังดีต่อเนื่อง มีสต็อกจากไตรมาส 4/64 ถูกนำมาขายในไตรมาส 1/65 แม้คาดกำไรไตรมาส 1/65 จะลดลงจากปีก่อน เพราะเหตุการณ์ที่ผิดปกติในไตรมาส 1/64 ที่ราคาถั่วเหลืองปรับขึ้นแรง

ขณะที่บริษัทมีสต็อกถั่วเหลืองต่ำค่อนข้างมาก และยังไม่มี ASF ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นพุ่งขึ้นเป็น 16.3% จากปกติทำได้ 10%-12% อย่างไรก็ตามยังมองว่ากำไรไตรมาส 1/65 ยังเป็นระดับที่ดีคาดสูงกว่าไตรมาส 1/62 และไตรมาส 1/63 ที่มีกำไร 358 ล้านบาท และ 494 ล้านบาท ตามลำดับ

ทั้งนี้คาดกำไรจะกลับมาโตอีกครั้งในไตรมาส 3/65 เพราะฐานกำไรครึ่งแรกปี 64 ค่อนข้างสูง ยังคาดกำไรสุทธิปี 2564 ไว้ที่ 1,978 ล้านบาท (-4.3% จากปีก่อน) และคาดจะกลับมาโตในปี 2566 แม้แนวโน้มกำไรปีนี้จะไม่ตื่นเต้นเพราะฐานสูง แต่แนวโน้มราคาถั่วเหลืองยังเป็นบวกต่อการดำเนินธุรกิจ และด้วยธุรกิจที่ค่อนไปในทางต้นน้ำ กอปรกับเป็นสินค้าจำเป็นทำให้ถูกกระทบจาก Inflation จำกัด ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 34 บาท จาก 32 บาท

โดยขยับ PE ขึ้นเล็กน้อยจาก 13 เท่า เป็น 14 เท่า สะท้อนแนวโน้มราคาถั่วเหลืองที่ยังค่อนข้างดี และยังใกล้เคียง PE เฉลี่ย 5 ปีของบริษัท

Back to top button