STARK ออกหุ้นกู้ 3 ชุด ชูดบ.สูงสุด 4.20% ขายสถาบัน-รายใหญ่ จอง 9-11 พ.ค.นี้

STARK เสนอขายหุ้นกู้ 3 ชุดชูดอกเบี้ย 2.90-4.20% ขายสถาบัน-รายใหญ่ จอง 9-11 พ.ค.นี้ ขณะที่ “ทริสเรทติ้ง” จัดอันดับความน่าเชื่อถือบริษัทฯ ที่ระดับ BBB+ แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" สะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจผลิตสายไฟฟ้าในทวีปเอเชีย


นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมพร้อมสำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2565 โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 3 ชุด แบ่งเป็น

หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 9 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.90 -3.10% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้

หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2567 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.60 -3.80% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้

หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2568 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.00 -4.20% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้

สำหรับหุ้นกู้ STARK เตรียมเปิดให้ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ จองซื้อระหว่างวันที่ 9-11 พฤษภาคม 2565 กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท (สำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่)

ทั้งนี้ STARK ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2564 ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” โดยอันดับความน่าเชื่อถือสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจผลิตสายไฟฟ้าในทวีปเอเชีย

“มั่นใจว่าการเสนอขายหุ้นกู้ของ STARK ครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี ซึ่งผู้ลงทุนยังมีความต้องการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นกู้อย่างต่อเนื่อง ด้วยผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากจากสถาบันการเงินเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยเฉพาะการลงทุนในธุรกิจที่มั่นคง และแข็งแกร่งในการเป็นผู้นำด้านการผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของ STARK มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการกำไรเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งการระดมทุนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพฐานทุน และผลักดันการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ในระยะยาว” นายประกรณ์ กล่าว

โดยหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดจะเสนอขายผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 6 ราย ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย  ธนาคารทหารไทยธนชาต  ธนาคารยูโอบี  บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)  บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอเชีย เวลท์

สำหรับวัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ STARK จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ไปใช้เพื่อชำระคืนสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ และชำระคืนตั๋วแลกเงินและหุ้นกู้ของกลุ่มบริษัท พร้อมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจต่อไป

ทั้งนี้ STARK  ยังคงสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจโดยมุ่งมั่นพัฒนาสร้างการเติบโตต่อองค์กรอย่างยั่งยืนในอนาคตผ่านกลยุทธ์ต่างๆ ได้แก่

1) การเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง มุ่งเน้นการผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ล แรงดันไฟฟ้าระดับปานกลางจนถึงระดับสูงพิเศษ และสายไฟสำหรับระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ แผงโซลาร์เซลล์บนโครงสร้างที่ลอยน้ำ ตลอดจนการพัฒนาสายเคเบิ้ลใต้น้ำ ระบบสายส่งกระแสตรงแรงดันสูง ที่ได้มาตรฐานระดับโลก เพื่อรองรับการเติบโตของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และเพิ่มความหลากหลายของแบรนด์

2) การเพิ่มการเติบโตของรายได้ รวมถึงการขยายและเจาะตลาดใหม่ๆ ทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และประเทศอื่นๆ

3) การเพิ่มการแข่งขันในด้านต้นทุน สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพ โดยการรวมคำสั่งซื้อวัตถุดิบของประเทศไทยและประเทศเวียดนามเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองและลดต้นทุนของโลหะ และการขยายระยะเวลาการชำระหนี้การค้า ตลอดจนนโยบายการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เพิ่มความสามารถในการทำกำไรมากขึ้น

4) การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายส่วนทุน (capex) อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นโดยกำลังการผลิตที่มีอยู่รองรับการเพิ่มขึ้นของการผลิตได้อีกเกือบ 2 เท่า และ 5) การเพิ่มความเข้มแข็งของสถานะทางการเงินของงบดุล การใช้เงินทุนหมุนเวียน ควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และการบริหารจัดการร่วมกันของกลุ่มบริษัทอย่างมีระบบ (Integrated Supply Chain Management)

Back to top button