DCC “ครึ่งปีหลัง” สดใส ฟื้นตัวตามศก. ยีลด์ 6.6% โบรกชูเป้า 3.60 บ.

“ฟินันเซีย” ประเมิน DCC ครึ่งปีหลังเด่น ฟื้นตามภาวะเศรษฐกิจหลังถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โบรกชูเป้า 3.60 บ. จุดเด่นให้ผลตอบแทนปันผลดี 6.6% ซึ่งจ่ายทุกไตรมาส โดยไตรมาส 1/65 จ่ายปันผล 0.055 บาท/หุ้น ขึ้น XD 13 พ.ค. 65 กำหนดจ่ายวันที่ 31 พ.ค. 65


บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (5 พ.ค. 2565) มีการประเมินต่อ บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC หลังจากบริษัทฯ มีการรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2565 มีกำไรสุทธิ 534 ล้านบาททำระดับสูงสุดใหม่ เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 493 ล้านบาท  และเพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นไปตามที่ฝ่ายวิจัยคาด โดยเป็นผลมาจากยอดขายทำได้ 2.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาลและการปรับขึ้นราคาขาย แต่เทียบกับไตรมาส 1/2564 ถือว่าทรงตัว

ทั้งนี้แม้ว่าปริมาณการผลิตจะลดลงถึง 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่เข้ามากดดัน แต่ชดเชยด้วยราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากผลของการปรับเพิ่มราคาขายและเน้นขายสินค้ามาร์จิ้นดี ซึ่งเป็นตัวช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้นเป็น 44.20% เทียบกับไตรมาส 4/2564 ที่ 43.00% และไตรมาส 1/2564 ที่ 42.70%

ในส่วนของทางราคาก๊าซเพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน บวกกับ SG&A ต่อรายได้ที่ลดลงเป็น 8.9% จาก 9.7% ในไตรมาส 4/2564 และ 9.5% ในไตรมาส 1/2564 จากผลของการปรับวิธีคำนวณค่าขนส่งใหม่ชดเชยราคาเฉลี่ยน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ผลักดันให้ผลประกอบการขยายตัวได้เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

โดยกำไรไตรมาส 1/2565 คิดเป็น 30% ของคาดการณ์ทั้งปี ส่วนไตรมาส 2/2565 เป็น Low Season ของการขายวัสดุก่อสร้าง รวมถึงภาพรวมธุรกิจวัสดุก่อสร้างยังเผชิญต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นตามราคาพลังงานและวัตถุดิบ อย่างไรก็ดีมองว่า DCC จะเป็นผู้เล่นที่ทำได้แข็งแกร่งกว่ารายอื่น จากกลยุทธ์การรับมือที่ดีทั้งการทยอยปรับราคาขายขึ้นก่อนผู้เล่นรายอื่นในช่วงก่อนหน้า และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มาร์จิ้นสูง อาทิ กระเบื้อง ขนาดใหญ่ 60×120, 80×80 และพอร์ซเลนขนาด 60×60 รวมถึงผลของกลยุทธ์ ควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งด้านขนส่ง และคลังสินค้าซึ่งเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 1/2565 ส่งผลให้แม้คาดกำไรไตรมาส 2/2565 อ่อนลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาล แต่มองว่ายังรักษาอยู่ระดับที่ดี

ขณะที่แนวโน้มครึ่งปีหลังของปี 2565 คาดฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ, สถานการณ์โควิด-19 คลายตัว หนุนการจับจ่ายใช้สอยและกิจกรรมก่อสร้างราบรื่นขึ้น

ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 3.60 บาท มองเป็นตัวเลือกที่ดีในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง จากกลยุทธ์ดีที่ทำให้ภาพรวมสามารถเติบโตแม้เผชิญปัจจัยลบ หนุนให้กำไรปี 2565 ทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่องอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน พร้อมคาดให้ผลตอบแทนปันผลดี 6.6% (จ่ายไตรมาสละครั้ง) โดยไตรมาส 1/2565 ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.055 บาท/หุ้น เป็น Yield ที่ 2% ขึ้น XD 13 พ.ค. 2565 และจ่ายเงิน 31 พ.ค. 2565

Back to top button