BEYOND มั่นใจครึ่งหลังปี 65 สดใส รับธุรกิจโรงแรมฟื้น หลังเปิดประเทศเต็มสูบ

BEYOND เปิดรายได้ไตรมาส 1/65 แตะ 434 ลบ. รับรายได้โรงแรม-บุ๊กกำไรขายทรัพย์สินตามแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ มั่นใจครึ่งหลังปี 65 สดใส รับธุรกิจโรงแรมฟื้น หลังเปิดประเทศเต็มสูบ หนุนดีมานด์ต่างชาติเพิ่มขึ้น


บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEYOND รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2565 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2565 ดังนี้

โดยนางกมลวรรณ วิปุลากร กรรมการผู้จัดการ BEYOND เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1/2565 มีรายได้รวม 434 ล้านบาท โดยมาจากรายได้กิจการโรงแรม 328 ล้านบาท และกำไรจากการขายทรัพย์สินตามแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ 74 ล้านบาท

โดยบริษัทเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมอย่างเต็มตัว ภายหลังเข้าลงทุนในโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ เมื่อปลายปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจังหวะทองที่ธุรกิจท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวอย่างชัดเจน ภายหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยและการท่องเที่ยวในประเทศกลับมาคึกคักอีกครั้ง

ขณะที่ผลประกอบการของโรงแรมทั้งสองแห่งของบริษัทเติบโตอย่างน่าพึงพอใจตั้งแต่ที่บริษัทได้เข้าลงทุนในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยจังหวะที่บริษัทเข้าลงทุนเป็นช่วงที่มาตรการต่างๆ เกี่ยวกับห้องอาหาร การจัดเลี้ยง และการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้รับการผ่อนคลายกลับสู่ภาวะปกติ

ทั้งนี้ ส่งผลให้ห้องอาหารและพื้นที่จัดเลี้ยงของบริษัทกลับมาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้อีกครั้ง และมียอดจองเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บริษัทเห็นรายได้ค่าอาหารและเครื่องดื่มเติบโตโดดเด่นตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 ต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 1/2565 และมีแนวโน้มดีต่อเนื่องในไตรมาส 2/2565 ซึ่งปัจจุบันรายได้ของธุรกิจโรงแรมโตกว่า 70% มาจากรายได้ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนอีก 30% มาจากรายได้ห้องพัก

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีห้องอาหารและบาร์ ภายในโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ และโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ จำนวน 9 ร้าน โดยมี 2 ห้องอาหารได้รับรางวัลการันตี 1 ดาวมิชลิน  (YU TING YUAN และ CÔTE BY MAURO COLAGRECO) และบาร์ของโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ได้รับการยกย่องให้เป็นบาร์ที่ดีที่สุดในประเทศไทย (BKK SOCIAL CLUB)

สำหรับรายได้จากห้องอาหาร บาร์ และการให้บริการจัดเลี้ยง ส่วนใหญ่มาจากดีมานด์ของคนในประเทศ ทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้กว่า 328 ล้านบาทในไตรมาสนี้ แม้ในสถานการณ์ที่ประเทศไม่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มรูปแบบ บริษัทคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งหลังจากยกเลิก Test & Go เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

โดยปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศเฉลี่ยที่ 14,000 คนต่อวัน หากนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยมากขึ้น ก็จะเป็นปัจจัยบวกหนุนให้อัตราการเข้าพักของโรงแรมทั้งสองแห่งของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นด้วยรายได้ที่แข็งแกร่งของห้องอาหาร และการจัดเลี้ยงที่บริษัทมีอยู่ในมือแล้ว เสริมกับรายได้ห้องพักจากดีมานด์ต่างชาติ จะทำให้ผลประกอบการครึ่งปีหลังของบริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด

สำหรับเมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทเผยเป้ารายได้ปี 2565 ของธุรกิจโรงแรมที่ราว 1,800 ล้านบาท และจะมีรายได้จากการขายทรัพย์สินจากธุรกิจเดิมเข้ามาเสริมอีกจำนวนหนึ่ง โดยจากรายได้ในไตรมาส 1/2565 เปิดเผยออกมาที่ 434 ล้านบาท (รายได้จากกิจการโรงแรม 328 ล้านบาท) แนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแผนการเปิดประเทศเต็มรูปแบบของรัฐบาล บริษัทมั่นใจเป้ารายได้ธุรกิจโรงแรม 1,800 ล้านบาท เป็นไปได้แน่นอน

ส่วนในด้านของการลงทุน เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าลงทุนเพิ่มเติมใน บริษัท เออร์เบิร์น รีสอร์ท โฮเต็ล จำกัด หรือ URH และ บริษัท วอเตอร์ฟร้อนท์ โฮเต็ล จำกัด หรือ WFH ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ และโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ อีก 12% ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นใน URH และ WFH ที่ 88.0% คาดสามารถลงทุนครบ 100% ภายในไตรมาส 3/2565

Back to top button