เปิดโผ 50 หุ้น SET โชว์งบ Q1 กำไรโตทะลักเกิน 100%

เปิดโผ 50 หุ้น SET โชว์งบไตรมาส 1/65 กำไรโตทะลักเกิน 100% ฟาก JCK แชมป์หุ้นกำไรเพิ่มขึ้นสูงสุด


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 บริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) มานำเสนอ โดยคัดเลือกบริษัทที่มีกำไรเพิ่มขึ้นโดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย โดยครั้งนี้จะขอนำเสนอเพียง 50 อันดับแรกของกลุ่มซึ่งมีกำไรเติบโตเกิน 100%

สำหรับหุ้นที่ที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวจำนนวน 50 ตัว ประกอบด้วย JCK,CFRESH,SCN,BR,AMATAV,RPH,JTS,AHC, KDH,BH,GFPT, EGCO,BANPU, BCH,VIH, EPG,WAVE,CHG,TTA,GGC,TGH,WHA,UPOIC,RJH,PRO,SKR,NVD,LPH,GENCO, PSL,UVAN,PIN,TPCS, SABUY,BTS, CIMBT,M,UBE,CRC,AMATA,BPP,PLANB,RCL,WFX,SPRC,BCPG,AGE,SKN,BDMS,LANNA และ CPI ดังตารางประกอบ และขอนำเสนอข้อมูลประกอบผลกำไรที่ปรับตัวขึ้นใน 5 อันดับแรกของกลุ่ม SET ดังนี้

โดยหุ้นที่มีกำไรเติบโตอันดับ 1 คือ บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JCK กำไรไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 44.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31,689.21% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 0.14 ล้านบาท เนื่องจากรายได้รวมอยู่ที่ 355.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 218.08 ล้านบา เนื่องจากรายได้ขายที่ดินนิคมฯเพิ่มขึ้น

ด้านนายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร  JCK เปิดเผยว่า ในปี 2565 ตนคาดว่ายอดขายที่ดินในนิคม TFD จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะจากการที่รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าออกประเทศ ทำให้มีนักลงทุนเข้ามาดูพื้นที่ในนิคมมากขึ้นคาดว่าจะสามารถขายที่ดินได้ไตรมาสละไม่ต่ำกว่า 50 ไร่ โดยไตรมาสแรกได้โอนขายที่ดินไปแล้วประมาณ 30 ไร่ ส่งผลให้ JCK มีผลกำไรประมาณ 35 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นสัญญานที่ดีสำหรับ JCK ว่าจะกลับมามีผลประกอบการที่โดดเด่นอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้บริษัทยังมีนโยบายที่จะขยายการทำธุรกิจไปในธุรกิจกัญชงและกัญชา โดยจะร่วมมือกับผู้มีความรู้และประสบการณ์ในธุรกิจกัญชงและกัญชาจากประเทศสหรัฐอเมริกาและเนเธอร์แลนด์มาตั้งบริษัทร่วมทุนกับ JCK เพื่อทำการผลิตและจำหน่าย ซึ่งจะดำเนินการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยจะทำการปลูกด้วยวิธีการอันทันสมัยไปจนกระทั่งสกัดและแปรรูปไปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเริ่มดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2565 นี้           

อันดับ 2 บริษัท ซีเฟรชอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ CFRESH กำไรไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 36.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  1,087.71% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 3.11 ล้านบาทโดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,594.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมทั้งมีต้นทุนการผลิตลดลง จากการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องในกระบวนการผลิตและผลจากการปรับกลยุทธ์ในการขยายตลาดภายในประเทศของบริษัทฯ และได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าเพิ่มขึ้น

บล.คิงส์ฟอร์ด ระบุในบทวิเคราะห์ว่าแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น CFRESH เชื่อว่าโมเมนตัมของกําไรจะยังดีต่อเนื่องในไตรมาส 2/2565 เนื่องจากราคาต้นทุนหลักกุ้งขาวในประเทศยังทรงตัวเทียบกับปีก่อน และจะได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าแตะ 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ

อันดับ 3 บริษัท บางกอกแร้นช์ จำกัด (มหาชน) หรือ BR กำไรไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 61.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 885.89% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 6.25 ล้านบาทโดยปัจจัยที่ส่งผลให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีรายได้จากการขายเพิ่ม รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้า ที่มากขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ต้นทุนขาย และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากค่าใช้จ่ายด้านระบบจากจัดการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 รวมทั้งราคาวัตถุดิบสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมที่เพิ่มขึ้น

อันดับ 4 บริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATAV กำไรไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 474.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น     864.06% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 49.23 ล้านบาท โดยรายได้ของบริษัทในไตรมาส 1 ปี2565 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาสเดียวกันของปี 2564 จากการขายโรงงานสำเร็จรูปให้เช่า (Ready Built Factory: RBF) จำนวน 10 หลัง ซึ่งแสดงอยู่ในรายการกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนจำนวน 627.90 ล้านบาท  นอกจากนี้บริษัทมีรายได้จากการให้บริการสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น 40.63 ล้านบาท

อันดับ 5 บริษัท โรงพยาบาลราชพฤกษ์ จำกัด (มหาชน) หรือ RPH กำไรไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 181.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น     856.82% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 18.96 ล้านบาท กำไรที่ปรับตัวขึ้นเป็นผลมาจากบริษัทฯ มีรายได้ อยู่ที่ 520.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2564 คิดเป็นเพิ่มขึ้น 161.57% มาจากการรับรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิค-19 จากการเปิด Hospitel หลายแห่งและรับรักษาผู้รับบริการจากการติดเชื้อไวรัส โควิด-19 แบบแยกกักตัวที่บ้าน หรือ Home Isolation

นอกจากนี้ต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการบริการ มีสัดส่วนที่ลดลงเนื่องมาจากบริษัทฯ มีการใช้มาตรการควบคุมต้นทุนด้านบุคลากรและสาธารณูปโภคซึ่งเป็นต้นทุนหลักอย่างเคร่งครัด

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button