“ยุทธพงศ์” ตั้งกระทู้ถาม “สันติ” ประมูลท่อส่งน้ำอีอีซีไม่โปร่งใส

ส.ส.พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสดรัฐบาล ปมกรมธนารักษ์เปิดประมูลโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี หลังพบความไม่โปร่งใส ขณะที่ "สันติ พร้อมพัฒน์" เคลียร์ทุกประเด็นตรวจสอบได้ และศาลการันตีขั้นตอนกรมธนารักษ์ถูกต้อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชวน หลีกภัย ทำหน้าเป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสด ของ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ถาม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เรื่องความไม่โปร่งใสเกี่ยวกับการประมูลโครงการท่อส่งน้ำในพื้นที่ภาคตระวันออก หรืออีอีซี ว่า เป็นโครงการที่ กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังรับผิดชอบ แต่มีข้อครหาว่า การประมูลไม่โปร่งใส เพราะใช้วิธีการคัดเลือกเชิญเฉพาะบริษัทที่มีคุณสมบัติ แต่เป็นบริษัทขนาดเล็ก คือบริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด, บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW, บริษัท วิค จำกัด (มหาชน) หรือ WIIK แต่เหตุใดไม่เชิญบริษัทขนาดใหญ่ เช่น บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ที่มีบริษัททำน้ำประปา ชื่อ อควอไทย, บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ที่มีบริษัททำน้ำประปาชื่อไทยแท็ป หรือ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC บริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ของประเทศไทย หรือแม้กระทั่ง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ที่มีท่ออยู่ในพื้นที่อีอีซี ซึ่งมีความน่าเชื่อถือ และมีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ เข้าคัดเลือกเพื่อให้เกิดการแข่งขันและรัฐเกิดประโยชน์

ทั้งนี้ทำให้ นายสันติ ได้ใช้สิทธิชี้แจงว่า กรมธนารักษ์ไม่มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการท่อส่งน้ำ และความรู้ไม่เพียงพอจึงต้องจ้างที่ปรึกษา คือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อออกแบบและสำรวจศึกษาในทุกด้าน ทั้งนี้กรมธนารักษ์ได้ทำอย่างรอบคอบ ซึ่งมีข้อแนะนำจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่า ให้เชิญบริษัทใหญ่ๆ ที่ประกอบการในพื้นที่ภาคตะวันออก มาหารือให้ความเห็นเพื่อประกอบการวิเคราะห์ ได้แก่ บริษัทอมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA, บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW, บริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA, การประปาส่วนภูมิภาค

สำหรับขบวนการต่างๆ เป็นความรัดกุม รอบคอบตามขั้นตอนของกรมธนารักษ์ โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีข้อเสนอ ว่า ยกเว้นวิธีเปิดประมูลทั่วไป และให้ใช้วิธีการคัดเลือกเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อระบบส่งน้ำ ดังนั้น กรมธนารักษ์ที่รายงานให้ตนคัดเลือก AMATA, EASTW  และ WHA, การประปาส่วนภูมิภาค และมีผู้เสนอตัว คือบริษัทวงษ์สยามก่อสร้างจำกัด และ WIIKทั้งนี้ ไม่ใช่การเฉพาะเจาะจงแต่ได้มีการคัดเลือก 5 บริษัทใหญ่เข้าร่วมเสนอราคา

นายสันติ ยังระบุว่า โครงการท่อส่งน้ำพื้นที่ภาคตะวันออก โดยมติ ครม.ปี 2535 ให้การประปาส่วนภูมิภาคจ่ายน้ำในภาคตะวันออก ทำให้การประปาส่วนภูมิภาคตั้ง EASTW ที่การประปาถือหุ้น 100% ดำเนินการ แต่หลังจากที่แปลงบริษัทอีสวอเตอร์ และเปิดให้บุคคลอื่นถือหุ้น 60% และการประปาถือหุ้น 40% ดังนั้นสิ่งที่นายยุทธพงศ์แถลงที่พรรคเพื่อไทยระบุว่า กรมธนารักษ์ ไม่สนับสนุนให้ EASTW ทำต่อ เพราะเป็นรัฐวิสาหกิจนั้นไม่จริง

จากนั้น นายยุทธพงศ์ ถามต่อว่า ในการเปิดซองประมูลครั้งแรก ที่ได้ EASTW ผู้ชนะประมูลนั้นพบว่า มีการยกเลิกโดยคณะกรรมการคัดเลือกการชนะประมูล จน EASTW ต้องฟ้อง และต่อมาได้ตั้งคณะกรรมการคัดเลือกชุดใหม่ โดยเปลี่ยนกรรมการชุดแรกที่คัดค้านการยกเลิก EASTW จนทำให้บริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ชนะการคัดเลือกรอบที่สอง

นายสันติ ชี้แจงว่า การเปิดซองประมูลครั้งที่หนึ่ง อธิบดีกรมธนารักษ์ บอกว่า ทีโออาร์ ไม่สมบูรณ์ เพราะมีบริษัทใช้ตัวเลขน้ำ 150 ล้านคิว แต่อีกบริษัทใช้ 350 ล้านคิว เมื่อปริมาณน้ำต่างกัน และทีโออาร์ไม่ได้กำหนดไว้ ทางคณะกรรมการจึงสรุปว่าไม่สมบูรณ์ ซึ่งทางอธิบดีกรมธนารักษ์ ตรวจสอบแล้วก็เห็นว่าไม่สมบูรณ์ หากการประมูลครั้งแรกตัดสินใจให้บริษัทใดชนะการประมูล กรรมการและเจ้าหน้าที่ก็มีปัญหา รวมถึงพิจารณาตามกฎ และระเบียบแล้วเป็นสิทธิที่กรรมการจะต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยให้บริษัทเดิมที่เข้าแข่งขันยังมีสิทธิเข้าแข่งขันอีกครั้งเพื่อเกิดความสมดุล

นอกจากนี้นายสันติ ยังอธิบายอีกว่า EASTW เข้าใจว่า ชนะประมูล ทั้งที่ยังไม่ได้เปิดซอง แต่พบว่ามีการนำตัวเลขมาแถลง ซึ่งส่วนตัวได้ได้ตั้งเรื่องตรวจสอบกรรมการชุดแรกนี้แล้วว่า ในเมื่อยังไม่ได้เปิดซอง ทำไมรู้ราคาเหล่านี้ ผมยังข้องใจอยู่ ส่วนการฟ้องศาลปกครองของ EASTW พร้อมขอให้คุ้มครองชั่วคราวเพื่อให้ชนะในครั้งที่หนึ่ง ปรากฏว่า ศาลปกครองได้วินิจฉัยมาแล้วว่า การกระทำของกรมธนารักษ์ทำถูกต้องตามระเบียบ เมื่อเห็นว่า ทีโออาร์ไม่สมบูรณ์ ก็ยกเลิกแล้วให้ 5 บริษัทยื่นซองประมูลใหม่อีกครั้ง

สำหรับตัวเลขตอนประมูลรอบแรก ทั้ง EASTW และ บริษัทวงษ์สยาม จำกัด เสนอตัวเลขประมาณ 3,000 ล้านบาท เช่นเดียวกัน ซึ่งยังไม่มีการเปิดซองประมูล แต่การประมูลรอบสอง พบว่า EASTW ให้ตัวเลข 2.4 หมื่นกว่าล้านบาท ขณะที่บริษัทวงษ์สยามจำกัด ให้ 2.5 หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจ ว่าใน 30 ปีที่ผ่านมา EASTW จ่ายผลตอบแทนให้กับกรมธนารักษ์ 500 กว่าล้านบาทเท่านั้น เงินเป็นหมื่นๆล้านบาท หายไปไหน หลังจากนี้ ตนจะต้องตรวจสอบในขั้นตอนต่างๆ ทั้งเจ้าหน้าที่ และอะไรต่างๆ ให้ปรากฎชัดและชี้แจงกับประชาชนให้ได้ ว่าเงินของแผ่นดิน รายได้ของรัฐหายไปไหน

ก่อนนายยุทธพงศ์ จะลุกขึ้นถามต่อ พร้อมเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปลดนายสันติ ออกจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลัง พร้อมตั้งคำถามถึงการตั้งข้อสังเกตของอัยการสูงสุดในการร่างสัญญาจัดหาผู้ดำเนินการ และความน่าเชื่อของ EASTW ที่มีมากกว่า บริษัทวงษ์สยาม จำกัด โดยสำนักงาน EASTW ที่ถนนวิภาวดี-รังสิต มีสินทรัพย์ 2.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัทวงษ์สยาม จำกัด อยู่ในซอยพหลโยธิน 8 มีสินทรัพย์ 1,615 ล้านบาท ทำไมถึงไปเชื่อบริษัทเล็กๆ อย่างนั้น

โดยเรื่องนี้ต้องนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจล้มรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และประธานอีอีซี มีหน้าที่แค่กำกับดูแล และกำลังสื่อสารว่า ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง

ทั้งนี้ นายสันติ ชี้แจงว่า ตนไม่สนใจบริษัทใหญ่ หน้าตาดี เพราะโกงเยอะแยะไป คนยากจน ซื่อสัตย์สุจริต เต็มแผ่นดิน ดังนั้นขอให้ไปเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ การจะดูบริษัทดูคนแต่ภายนอก ตนไม่เชื่อถือ ส่วนที่อ้างถึงนายกฯ ตนเข้าใจ นายกฯ ได้เชิญตนไปถาม และตรวจสอบ และนายกฯ จึงแจ้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง จึงได้ตั้งกรรมการตรวจสอบความโปร่งใสแล้ว

Back to top button