โบรกเชียร์ซื้อ ESSO เป้า 12.9 บ. รับแผนขยายกำลังผลิต-ค่าการกลั่นสูง หนุนกำไรโตเด่น

FSSIA แนะซื้อ ESSO ราคาเป้าหมายที่ 12.9 บ. รับประโยชน์จากค่าการกลั่นสูง-ไม่มีประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน


นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA ระบุในบทวิเคราะห์ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2565 ระบุว่า ขณะนี้ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 12.9 บาท และยกเป็นหุ้นเด่นของกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจาก ESSO มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งสุดในบรรดาโรงกลั่น 6 แห่งในไทย และจะไม่มีบันทึกผลขาดทุนจากการประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน (hedging) ซึ่งจะส่งผลให้สามารถรับประโยชน์จากค่าการกลั่นที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ESSO ยังมีแผนเพิ่มปริมาณการขายอีกด้วย

ทั้งนี้ ทีมผู้บริหาร ESSO กล่าวว่า 3 ปัจจัยหลักที่จะช่วยหนุนกำไรปีนี้ ได้แก่ 1. ESSO จะไม่มีการประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน เหมือนโรงกลั่นอื่น ๆ ในไทย ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถรับประโยชน์จากค่าการกลั่นที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นได้อย่างเต็มที่ 2. ESSO มีแผนขยายกำลังการผลิตให้มากกว่า 80% ในไตรมาสที่ 2 เนื่องจากการปิดโรงงานอะโรเมติกส์เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ทำให้บริษัทได้ผลผลิตน้ำมันเบนซินมากขึ้น และ 3. ESSO มุ่งมั่นที่จะ ทั้งในส่วนธุรกิจปั๊มน้ำมัน การค้า และการส่งออก เนื่องจากค่าการกลั่นกำลังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้อัตราการผลิตของโรงกลั่นของ ESSO อยู่ที่ 80-85%

โดยทาง FSSIA คาดการณ์ค่าการกลั่นของ ESSO จะอยู่ที่ USD15-17/bbl ในไตรมาสที่ 2 เพิ่มจาก USD9/bbl ในไตรมาสที่ 1 โดยมีตัวขับเคลื่อนหลัก คือการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของอัตรากำไรขั้นต้นของน้ำมันเบนซิน (ยีลด์ 28% ในไตรมาส 1/2565) ดีเซล (46%) และเครื่องบิน (3%) เนื่องจาก ESSO สามารถเพิ่มผลผลิตน้ำมันเบนซินได้อีก 30% ดีเซลเพิ่มขึ้น 48-50% และเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินเพิ่มขึ้น 5% ประกอบกับอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเป็น 82-85% (145-150kbpd) เพิ่มขึ้นจาก 70% (137kbpd) ในไตรมาสที่ 1 ดังนั้น FSSIA จึงคาดว่ากำไรหลักสุทธิของ ESSO จากโรงกลั่นจะอยู่ที่ 3-4 พันล้านบาทในไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้นจาก 1.5 พันล้านในไตรมาสที่ 1

นอกจากนี้ ESSO ยังมีแผนเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในไตรมาสที่ 2 ถึงไตรมาสที่ 4 โดย 1.เพิ่มจำนวนสถานีบริการน้ำมันเป็น 800 แห่งภายในสิ้นปี 2565 จาก 739 แห่งในไตรมาสที่ 1 2.เพิ่มร้านกาแฟอีก 450-500 แห่งในปี 2565 จาก 397 แห่งในไตรมาสที่ 1 และ 3.เพิ่มปริมาณการขายและอัตราการกลั่นผ่านปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นในสถานีบริการน้ำมัน 37.1% ของการผลิตโรงกลั่นทั้งหมดในไตรมาสที่ 1 การค้า 60% และการส่งออก 2.9%

Back to top button