2 หุ้นประกันดาวเด่น! รับ “บอนด์ยีลด์-ดอกเบี้ย” ขาขึ้น

โบรกชู BLA-THREL ดาวเด่นหุ้นประกัน รับอานิสงส์ “บอนด์ยีลด์” พุ่งต่อเนื่อง พ่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น


หุ้นกลุ่มประกันยังเป็นที่น่าจับตาอยู่ในขณะนี้ เมื่อเทียบกับภาพรวมของตลาดหุ้นไทยจากต้นเดือนมิ.ย. 65 จนถึงปัจจุบันซึ่งปรับตัวลดลง 104 จุด หรือลดลง 6.25% สวนทางกับตัวบอนด์ยีลด์ของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่กว่า 3.20% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.20%

หากดูภาพรวมของบอนด์ยีลด์ยังคงมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมเมื่อวันที่ 14-15 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 28 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2537

นอกจากนี้ ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับ 3.4% ในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1.75% ภายในปีนี้ และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.8% ในสิ้นปี 2566

ด้านกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาพใหญ่ของกลุ่มประกันได้แรงหนุนจากบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ เร็วกว่าที่คาดไว้ ขณะที่บอนด์ยีลด์ของไทยก็มีแนวโน้มจะปรับขึ้นตาม

โดยหลักแล้วการพุ่งขึ้นของบอนด์ยีลด์จะส่งผลบวกต่อธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งปีนี้น่าจะกลับมาดีขึ้นได้ หลังจากถูกกดดันมาต่อเนื่อง 3-4 ปี จากทิศทางดอกเบี้ยขาลงก่อนหน้านี้

พร้อมดอกเบี้ยขาขึ้นจะดีต่อประกันชีวิตโดยเฉพาะในด้านพอร์ตลงทุน ซึ่งส่วนมากจะลงทุนในตราสารหนี้เรตติ้งดี ซึ่งผลตอบแทนจะล้อไปกับบอนด์ยีลด์ และในอีกด้านหนึ่งคือการตั้งสำรองของประกันชีวิตจะลดลงในระยะยาว เนื่องจากหนี้สินที่ถูกตีมาเป็นมูลค่าปัจจุบันจะมีมูลค่าน้อยลง เนื่องจากอัตราคิดลดที่สูงขึ้น

โดยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะช่วยให้อัตราส่วนความพอเพียงของเงินกองทุน (CAR Ratio) ของธุรกิจประกันชีวิตสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ก็เป็นบวกต่อกลุ่มประกันด้วยเช่นกัน เพราะโดยปกติแล้วกลุ่มประกันจะเติบโตไปตาม GDP ซึ่งในปีนี้สมาคมประกันคาดว่ามูลค่าเบี้ยรับของอุตสาหกรรมจะเติบโตขึ้นได้ 5%

ขณะที่นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินว่า หุ้นกลุ่มประกันโดยภาพรวมจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งดอกเบี้ยของไทยก็น่าจะขยับขึ้นในปีนี้เช่นกัน จากเดิมที่ตลาดคาดว่าอาจจะเริ่มขึ้นในปีนี้ ในส่วนนี้จะช่วยให้การตั้งสำรองของประกันลดลง และสามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้มากขึ้น

อีกทั้ง บล.ฟิลลิป  ระบุว่า หากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปีปรับตัวขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่อ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA, บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL

รวมถึง บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ยังคงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น BLA ราคาเป้าหมาย 53 บาท ประเมินรับ Sentiment บวกจากแนวโน้มขาขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) ทั้งผลจาก Sentiment Bond yield สหรัฐฯ และโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ฝ่ายวิจัยคาดครึ่งหลังของปี 2565 ปรับตัวขึ้น 0.5%

นอกจากนี้ Valuation ไม่แพง Forward PE 14.7 เท่า ขณะที่คาดอัตราการเติบโตของ EPS เพิ่มขึ้น 36% ต่อปี โดยเฉลี่ยในปี 2564-2566 เท่ากับ PEG ต่ำเพียง 0.6 เท่า และ P/BV ที่ 1.49 เท่า คิดเป็นเพียงราว -0.5 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอนาคต

Back to top button