เปิดมุมมอง ”อาทิตย์ นันทวิทยา” ปั้น SME สู่ STARTUP โตแกร่งในแบบ SCBX

"อาทิตย์ นันทวิทยา" นำเสนอมุมมอง และแนวคิดการทำธุรกิจ ที่จะทำอย่างไรให้ SME กลายเป็น STARTUP โตแข็งแกร่งรับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจปัจจุบัน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (25 มิ.ย.65) ในงานสัมมนาออนไลน์รูปแบบ Virtual LIVE แห่งปีที่ หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ ร่วมกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) จัดงาน Battle Strategy แผนฝ่าวิกฤติ พิชิตสงคราม EPISODE IV: STARTUP SME TO MEGATREND ภายใต้แนวคิด “NEW Fundraising NEW Investing” ทางเลือกการระดมทุนและการลงทุนรูปแบบใหม่

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX นำเสนอมุมมองและแผนฝ่าวิกฤติ พิชิตสงคราม ในหัวข้อ STARTUP SME TO MEGATREND ว่า STARTUP เป็นธุรกิจที่เริ่มต้นขึ้นมาพร้อมกับเทรนด์ธุรกิจใหม่ โดยจะมีการดึงเทคโนโลยีเข้ามาช่วย และการแก้จุดอ่อน รวมถึงเข้าถึงลูกค้าในมิติใหม่ ซึ่งจะเป็นคำนิยามที่แตกต่างกับ SME

สำหรับ 10 ปีที่ผ่านมา SCBX ได้มีการคัดสรร SME ขนาดเล็ก-กลาง ที่มีความสามารถ และมองเห็นการเติบโตปีละ 5-6 บริษัทขึ้นมา โดยเน้นบริษัทที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ หรือจุดแข็งเฉพาะตัว ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีบริษัทขนาดเล็ก-กลางจำนวนมากที่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา โดยมีการเติบโตทางพัฒนาการที่จะสร้างจุดแข็งและมูลค่าเพิ่มให้เกิดภายในองค์กร

โดยสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวคัดสรรให้ SME รายเดิมที่ไม่มีการพัฒนาการต้องปรับตัว เนื่องจากการมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามา จะทำให้ถูก disruptive และเปลี่ยนเกมได้ ซึ่งอาจจะมาในเรื่องของต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้การทำธุรกิจสมัยใหม่จะต้องมีการตื่นตัว และเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือรูปแบบใหม่ที่เคยทำได้อยู่ในตอนนี้

ขณะเดียวกัน การเชื่อมต่อที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตกับหลายธุรกิจ จะเกิดจากระหว่างตัว products กับ service เพราะปัจจุบันไม่มีการแบ่งเขตของประเทศ หรือข้อจำกัด ยกตัวอย่าง “เกม” ที่เป็น global products ไม่มีแค่เกมในประเทศไทย แต่จะเป็นเกมที่เล่นได้ทั่วโลก ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นในทุกอุตสาหกรรมจากนี้ไป ซึ่งจะทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการรายเล็กและรายกลางเกิดขึ้นด้วย ทำให้ Mindset ของการทำงานร่วมกัน ระหว่าง SCBX กับผู้ประกอบการ (STARTUP-SME) ที่จะสร้างโอกาสให้กับ SME รายกลาง-เล็ก นั้น

ทั้งนี้ เห็นได้จาก Robinhood ที่ปัจจุบันเป็นมากกว่า food transform และกำลังจะก้าวไปสู่ lifestyle, hospitality, e-commerce, การขนส่ง และการท่องเที่ยว ฯลฯ เป็นแพลตฟอร์มเชื่อมโยงกับลูกค้ากับผู้ประกอบการรายกลาง-เล็ก ซึ่งมีทั้ง เจ้าของร้านอาหาร, เจ้าของโรงแรม รวมถึงผู้ประกอบการที่อยู่ในเครือข่ายของการท่องเที่ยว

โดยจะต้องรู้ว่าขายดี-ขายไม่ดี รู้จักรสนิยมของลูกค้า ความชอบหรือไม่ชอบ จะทำให้กิจการเดินหน้าไปด้วยดี ซึ่ง mindset ของผู้ประกอบการเหล่านี้จะต้องเปิดกว้างด้วย ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมมือกันระหว่าง SCBX กับผู้ประกอบการ

ส่วนอีกด้านหนึ่งที่สำคัญ คือ ต้นทุนในการจัดตั้งธุรกิจเบาบาง หรือน้อยที่สุด เพื่อให้เกิดการลองผิดลองถูกในช่วงเริ่มต้น โดยไม่ต้องอาศัยเม็ดเงินลงทุนขนาดใหญ่ ที่จะเป็นความเสี่ยงในการทดลองการทำธุรกิจที่ไม่เคยทำได้

ทั้งนี้ SCBX เพิ่งจะเริ่มจัดตั้ง 3-4 เดือนที่ผ่านมา จากภาพที่เคยเชื่อว่า ธุรกิจหลักคือธุรกิจการเงิน ที่จะเชื่อมต่อไปสู่ลูกค้า แต่การเข้ามาของรูปแบบดิจิทัลและบล็อคเชน หรือ สินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า แต่การจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ SCB ต้องปรับตัว เพราะถ้าไม่ปรับตัวจะไม่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าเลย นี่คือการก่อกำเนิดของยานแม่ SCBX ที่จะสร้างองค์ประกอบใหม่ที่นอกเหนือจากการเป็นธนาคารพาณิชย์ แต่จะเป็นตัวกลางของสิ่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ทำอย่างไรจะมีขีดความสามารถในเรื่องดังกล่าว และยังต้องรักษาการเป็นคนกลางในระบบของธนาคารพาณิชย์ให้คงอยู่ และมีประสิทธิภาพ และมีต้นทุนตามที่คาดหวังของลูกค้า

นอกจากนี้ SCBX ยังเป็นการสร้างช่องทางปฏิสัมพันธ์ให้กับลูกค้า วิธีการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ สิ่งนี้จะเป็นตัวสำคัญ ของการตอบรับการเปลี่ยน generation และ lifestyle ของลูกค้า ถ้า SCBX สร้างช่องทางได้แล้ว จะทำให้สามารถนำเสนอ finance products ให้เข้าถึงเร็วและตอบสนองได้เป็นอย่างดี ซึ่ง Robinhood ถือเป็นตัวอย่างหนึ่ง

ขณะเดียวกัน SCBX ยังมีลงทุนกลุ่ม healthcare ระดับของventure capital ขนาดเล็กที่ทำเกี่ยวกับ telemedicine ปรึกษาแนะนำ ดูแลเรื่อง skin care ที่จับมือกับ โรงพยาบาลสมิติเวช, การทำความร่วมมือกับ AIS ทำเรื่อง micro lending ให้กับผู้ประกอบการ

โดยปัจจุบันของการจัดหาแหล่งทุนให้กับผู้ประกอบการขนาดย่อย หากยังคงเป็น SCB เดิม อาจจะทำไม่ดีนัก เลยสร้างอีกส่วนหนึ่งขึ้นมา อาทิ AutoX SCB, AISCB, SCB Abacus ฯลฯ เพื่อเป็นหัวหอกทำเรื่องของ financing ให้กับลูกค้า

สำหรับอนาคตของ SCBX ที่กำลังจะก้าวไปคือการเพิ่มขีดความสามารถในการขยายการมองลูกค้าที่มีตลาดที่ใหญ่ขึ้นไปยัง regional นี้ที่มีจำนวนอยู่ 500-600 ล้านคน โดยคาดหวังจะเป็น player ที่จะมี users ในระดับ 200 ล้านคน เพื่อจะทำให้ตอบสนอง ทั้ง เดต้า และเอไอ โดยต้องมองไปที่ระดับโลกเท่านั้นทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของมุมมองของ SCBX ที่กำลังจะก้าวไปสู่การเป็น Technology Company ในอนาคต

Back to top button