พรีวิวงบ “แบงก์” ไตรมาส 2 โบรกยก KBANK กำไรโตสุด 1.2 หมื่นล้าน

พรีวิวงบ “แบงก์” ไตรมาส 2/65 โบรกยก KBANK กำไรโตสุด 1.2 หมื่นล้านบาท รับสินเชื่อโต-รายได้ดอกเบี้ยพุ่ง


พรีวิวผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 รวมถึงงวดครึ่งแรกปี 65 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) ก่อนจะประกาศงบฯออกมาอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะกลุ่มแรกเป็นธนาคารพาณิชย์

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการสำรวจข้อมูลผลประเมินผลประกอบการล่วงหน้าจากนักวิเคราะห์สำนักต่างๆ ได้ประเมินไว้ช่วงก่อนหน้า สำหรับ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (23 มิ.ย. 65) ประเมินผลประกอบการไตรมาส 2/65 ไว้ 7 ธนาคาร ได้แก่ KKP, KBANK, SCB, KTB, BBL, TTB และ BAY เป็นต้น

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)หรือ KKP คาดผลประกอบการงวดไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,978 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.10% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,354 ล้านบาท

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK คาดผลประกอบการงวดไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11,781 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.50% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8,894 ล้านบาท

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB คาดผลประกอบการงวดไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.20% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8,894 ล้านบาท

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KTB คาดผลประกอบการงวดไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7,026 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.90% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,011 ล้านบาท

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL คาดผลประกอบการงวดไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7,419 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.70% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,357 ล้านบาท

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB คาดผลประกอบการงวดไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,843 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.20% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,534 ล้านบาท

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY คาดผลประกอบการงวดไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7,125 ล้านบาท ลดลง 51% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 14,543 ล้านบาท

อย่างไรก็ดีได้นำข้อมูลจากสำนักอื่นเพิ่มเติมเข้ามาเพื่อทำให้นักลงทุนได้มองเห็นการเติบโตของผลประกอบการธนาคารได้มากขึ้น อาทิ นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ทำการประเมินว่า KBANK มีสินเชื่อเดือนพ.ค. 65 เติบโตต่ออีก 0.80% จากเดือนก่อนหน้า และเติบโต 2.50% จากต้นปีจนถึงปัจจุบัน ทำให้คาดว่ารายได้ดอกเบี้ยจะเพิ่มสูงขึ้นในขณะที่การตั้งสำรองจะยังทรงตัวในระดับเดิม ผลดังกล่าวคาดว่าส่งผลให้กำไรไตรมาส 2/65 จะอยู่ที่ 1.20 หมื่นล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 35.60% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 7.60% จากไตรมาสก่อน

ขณะที่ประเมินงวด 6 เดือนแรก KBANK สามารถมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.30 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อเป็นหลัก รวมไปถึงการรักษาระดับการตั้งสำรองไว้เหมือนเดิม แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 176 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า BBL กำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/65 จะฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยกำไรจะเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน เนื่องจากมีการตั้งสำรองหนี้ฯ ลดลง และรายได้การดำเนินงานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 159 บาท

บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า KTB มีสินเชื่อเดือนพ.ค. 65 หดตัวลง 0.90% จากเดือนก่อนหน้า และทำให้สินเชื่อจากสิ้นปี 64 เหลือขยายตัว 0.30% จากต้นปีจนถึงปัจจุบันทำให้คาดว่ารายได้ดอกเบี้ยในไตรมาส 2/65 จะทรงตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อนแต่การลดระดับการตั้งสำรองลงมามากตั้งแต่ไตรมาส 1/65 จะทำให้กำไรไตรมาส 2/65 เติบโตสูงถึง 48.80% จากงวดเดียวกันของปีก่อนแต่เมื่อเทียบไตรมาส 1/65 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.90% จากรายได้ดอกเบี้ยที่ชะลอตัว แต่คาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะเพิ่มขึ้น

ส่วนงวด 6 เดือนแรกของ KTB มีสัดส่วนสำรองต่อ NPL เพิ่มขึ้นมาเป็น 177% ในไตรมาส 1/2565 ทำให้ KTB มีการลดระดับการตั้งสำรองเหลือเพียง 0.80% ของสินเชื่อรวมจากปี 64 ที่มีการตั้งสำรอง 1.20% ของสินเชื่อรวม และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กำไรครึ่งปีแรก 65 เพิ่มขึ้นถึง 53% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 1.77 หมื่นล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ทำการประเมินว่า คาดการณ์ไตรมาส 2/65 ของ TTB กำไรสุทธิจะเติบโตต่อเนื่องจากงวดเดียวกันของปีก่อน มาจากค่าใช้จ่ายที่ลดลงเป็นหลัก แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 1.80 บาท

บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินไว้ว่า KKP มีสินเชื่อเดือนพ.ค.65 เติบโตขึ้นอีก1.70% จากเดือนก่อนหน้าและ 9.40% จากต้นปีจนถึงปัจจุบันทำให้ KKP จะยังคงเป็นธนาคารที่มีสินเชื่อเติบโตโดดเด่นที่สุดในปี 2565 และคาดว่าจะทำให้รายได้ดอกเบี้ยเติบโตต่อ ส่งผลดีต่อกำไรไตรมาส 2/65 ที่คาดจะออกมาอยู่ที่ 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 50% จากงวดเดียวกันของปีก่อนแต่เมื่อเทียบไตรมาส 1/65 คาดว่ากำไรจะลดลง 1.20% จากไตรมาสก่อนเนื่องจากรายได้จากธุรกิจตลาดทุนที่ลดลงตามมูลค่าการซื้อขายใน ตลท. ที่หดตัวลง

สำหรับงวด 6 เดือนแรกของ KKP คาดว่ากำไรสุทธิอยู่ที่ 4.10 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.90% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นเพราะรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ นอกจากนี้สัดส่วนการตั้งสำรองต่อ NPL อยู่ที่ประมาณ 140% ทำให้ KKP มีการลดระดับการตั้งสำรองลงมาตั้งแต่ไตรมาส 1/65 และเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้กำไรครึ่งแรกปี 65 เพิ่มขึ้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 81 บาท

บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินไว้ว่าคาดผลประกอบการไตรมาส 2/65 ของ TISCO จะมีกำไรอยู่ที่ 1.80 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 7.20% จากงวดเดียวกันของปีก่อนตามรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของสินเชื่อ ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/65 หลังจากก่อนหน้านี้สินเชื่อหดตัวต่อเนื่องมา 8 ไตรมาสติดต่อกัน แต่คาดว่ากำไรจะลดลง 0.50% จากไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมลดลงจากรายได้ธุรกิจหลักทรัพย์ที่มูลค่าการซื้อขายใน ตลท. ลดลงจากไตรมาส 1/65

อย่างไรก็ดีคาดว่า TISCO จะมีการตั้งสำรองในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 1/65 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับธนาคารอื่น ถึงแม้ว่า NPL อาจจะเพิ่มสูงขึ้นหลังจากมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หมดไปแต่ TISCO เป็นธนาคารที่มีสัดส่วนตั้งสำรองต่อ NPL สูงที่สุดในกลุ่มถึง 262% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของกลุ่มอยู่ที่เพียง 173% ทั้งนี้ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 116 บาท

Back to top button