SCB เล็งขายกิจการ “SCBAM” 5.4 หมื่นลบ. นำเงินต่อยอดก้าวสู่ “เทคคอมพานี”

SCB เล็งขายกิจการ “SCBAM” 5.4 หมื่นลบ. นำเงินกลบตั้งสำรองหนี้เสีย-ปันผล ลุยต่อยอดสร้างมูลค่า ก้าวสู่ “เทคคอมพานี”


ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้(8 ก.ค.65) โดยอ้างอิงจากสำนักข่าว Bloomberg ระบุว่า บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ต้องการขาย บริษัทหลักทรัพย์ จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM ที่ราคาประมาณ 1-1.5 พันล้านเหรียญ หรือประมาณ 3.6-5.4 หมื่นล้านบาท โดยดีลดังกล่าวอยู่ระหว่างการพูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินในการตีมูลค่ากาขาย SCBAM

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(8 ก.ค.65) ว่า จากสำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า “เอสซีบี เอกซ์” อาจพิจารณาขาย SCBAM มูลค่าธุรกรรมเบื้องต้นราว 1-1.5 พันล้านเหรีญสหรัฐฯ หรือประมาณ 3.6-5.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งฝ่ายวิจัยมองว่าในกรณีธุรกรรมดังกล่าวแล้วเสร็จ ผลที่ได้รับน่าจะเป็นไปในแนวทางเดียวกับ KBANK ที่อยู่ระหว่างขาย K asset (มูลค่า AUM ใกล้เคียงกัน) ทั้งนี้ SCBAM ณ สิ้นงวดไตรมาส 1/2565 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ราว 1.6 ล้านล้านบาท

โดยในกรณีที่ SCBX ขายหุ้นใน SCBAM ทั้งหมด 100% ประเมินกำไรพิเศษสุทธิจากภาษีราว 2.8 – 4.3 หมื่นล้านบาท คำนวณจากมูลค่าเงินลงทุนตามวิธีราคาทุน SCBAM อยู่ที่ 222 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามข่าวดังกล่าวยังยังไม่เป็นทางการจึงยังต้องติดตามความคืบหน้าต่อไป

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า มีมุมมองสอดคล้องกับบล.เอเซีย พลัส ว่าหลังจาก SCB ขาย SCBAM จะมีกำไรต่อหุ้นหลังหักภาษีแล้วอยู่ที่ 12.7 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะสามารถนำไปกลบการตั้งสำรองหนี้เสีย และสามารถจ่ายปันผล หรือนำเงินไปต่อยอดสร้างมูลค่าในบริษัทลูกที่กำลังพัฒนาอยู่ เช่น บริษัท ออโต้ เอกซ์ จำกัด(Auto X) ,บริษัท คาร์ด เอกซ์ จำกัด (Card X),บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X) โดยมีมุมมองเป็นบวกสำหรับดีลดังกล่าว แต่ยังต้องใช้เวลาในการทำธุรกรรมอีกสักระยะ

อย่างไรก็ตามยังมีการประเมินว่าหาก SCB ขาย SCBAM จะส่งผลกระทบต่อกำไรของ SCB ซึ่งจะหายไป 1.6 พันล้านบาท หรือกำไรหายไปราว 4% ในปี 2566 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 40,000 ล้านบาท

สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์จำกัด หรือ SCBAM มีมูลค่าสินทรัพย์ที่อยู่ในการบริหาร AUM ราว 1.6 ล้านล้านบาท กำไรสุทธิของ SCBAM ในปี 2564 อยู่ที่ระดับ 1.6 พันล้านบาท หากคำนวณเป็น per ratio ของกำไรปี 2564 (เอา 1,600 หารด้วย 36,000/5,4000 ล้านบาทบาท) อยู่ที่ระดับ 22.5 เท่า และ 33.8 เท่า ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาด (Market share) เท่ากับ 18.9% เป็นอันดับ 1 ของประเทศ

อนึ่งก่อนหน้านี้นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB นำเสนอมุมมองและแผนฝ่าวิกฤติ พิชิตสงคราม ในหัวข้อ STARTUP SME TO MEGATREND ว่า STARTUP เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2565 ได้เปิดเผยแผนธุรกิจในอนาคตของ SCBX ที่กำลังจะก้าวไปคือการเพิ่มขีดความสามารถในการขยายการมองลูกค้าที่มีตลาดที่ใหญ่ขึ้นไปยัง regional นี้ที่มีจำนวนอยู่ 500-600 ล้านคน โดยคาดหวังจะเป็น player ที่จะมี users ในระดับ 200 ล้านคน เพื่อจะทำให้ตอบสนอง ทั้ง เดต้า และเอไอ โดยต้องมองไปที่ระดับโลกเท่านั้นทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของมุมมองของ SCBX ที่กำลังจะก้าวไปสู่การเป็น Technology Company ในอนาคต

Back to top button