KBANK คาดกรอบ “เงินบาท” สัปดาห์หน้า 35.70-36.50 จับตาฟันด์โฟลว์-ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ

KBANK คาดกรอบ “เงินบาท” สัปดาห์หน้า (11-15 ก.ค.65) เคลื่อนไหว 35.70-36.50 บ./ดอลลาร์ แนะจับตาฟันด์โฟลว์-ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน


ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (11-15 ก.ค.65) ที่ระดับ 35.70-36.50 บาท/ดอลลาร์ จากเมื่อวันศุกร์ที่ 8 ก.ค. 65 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.99 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ หลังร่วงแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 6 ปีครึ่งที่ 36.35 บาท/ดอลลาร์

ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทเผชิญแรงขายในช่วงแรกเช่นเดียวกับสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชียสวนทางเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก นอกจากนี้เงินดอลลาร์ ยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมระหว่างสัปดาห์จากรายงานการประชุมเฟด (14-15 มิ.ย.) ที่ยังคงสะท้อนว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยพร้อมๆ กับลดงบดุลต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อในสหรัฐฯ

ขณะที่ระหว่างวันที่ 4-8 ก.ค. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 1,344 ล้านบาท ขณะที่มีสถานะเป็น NET INFLOW เข้าสู่ตลาดพันธบัตร 793 ล้านบาท (โดยแม้ต่างชาติจะซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 1,903 ล้านบาท แต่ก็มีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 1,110 ล้านบาท)

ทั้งนี้เงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาตามจังหวะซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของต่างชาติ ขณะที่เงินดอลลาร์ เผชิญแรงขายทำกำไร หลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยด้วยขนาดที่น้อยลงในรอบการประชุมที่เหลือของปี หลังจากที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 75 bps. แล้วในเดือนก.ค. อนึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงการอ่อนค่าของเงินบาทว่า มีสาเหตุมาจากปัจจัยภายนอก โดยธปท. จะยังคงปล่อยให้เงินบาทปรับตัวไปตามกลไกตลาด แต่อาจมีการเข้าไปดูแลเพื่อลดความผันผวนหากพบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์เงินทุนต่างชาติ และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. ผลสำรวจกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนก.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรายงาน Beige Book ของเฟด

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางเกาหลีใต้ และข้อมูลเศรษฐกิจจีน อาทิ จีดีพีไตรมาส 2/65 ยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนและตัวเลขการส่งออก เดือนมิ.ย. ด้วยเช่นกัน

Back to top button