KTC โชว์งบไตรมาส 2 กำไร 1.9 พันล้าน ยอดใช้บัตรพุ่ง ปักธงพอร์ตสินเชื่อปีนี้ทะลุแสนล้าน

KTC โชว์งบไตรมาส 2/65 กำไร 1.89 พันล้านบาท โต 13% จากปีก่อน 1.67 พันล้านบาท ยอดใช้บัตรพุ่ง ดันครึ่งปีแรกทะลุ 3.64 พันล้านบาท ปักธงพอร์ตสินเชื่อปีนี้ทะลุแสนล้าน ยันคุม NPL ต่ำกว่า 3.60%


บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  หรือ KTC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565

โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 เพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรของ KTC สำหรับครึ่งปีแรกเติบโตที่ 16.6% หรือมีมูลค่า 109,782 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่า ช่วงระยะเวลาก่อนเกิด COVID-19 แล้ว (ครึ่งแรกของปี2562 เท่ากับ 100,282 ล้านบาท) และมีโอกาสที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากการที่ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ได้ทยอยเปิดประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ

บริษัทมีรายได้รวมในไตรมาสสอง จำนวน 5,735 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1% (เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) จากรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น 3.6% (เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และ 15.1% (เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) ตามลำดับ

ขณะที่ครึ่งปี 2565 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่11,091 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% (เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) ในส่วนของหนี้สูญได้รับคืนในไตรมาสสอง และครึ่งปี 2565 มีจำนวน 851ล้านบาท และ 1,708 ล้านบาทตามลำดับ ซึ่งยังคงมีจำนวนมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

โดยในรอบครึ่งปี 2565 บริษัทได้ดำเนินงานในธุรกิจหลักไปตามแผนการที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ในด้านต่างๆ โดยด้านปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรมีอัตราการเติบโตในรอบหกเดือนอยู่ที่ 16.6% หรือมียอดเท่ากับ 109,782 ล้านบาท

เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวขึ้น รวมถึงการที่รัฐบาลค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการกักตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าประเทศไทย จนกระทั่งต้นเดือนกรกฎาคมประเทศไทยได้เปิดประเทศเต็มรูปแบบ การเดินทางเข้าประเทศ

ไทยไม่ต้องกักตัวทุกกรณีเป็นผลให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน จึงมีความเป็นไปได้ที่อัตราเติบโตของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรของบริษัทเมื่อสิ้นสุดปีจะขยายตัวได้ที่ 15% แม้ว่าบริษัทจะยังคงเป้าหมายอัตราเติบโตที่ 10% ก็ตาม

สำหรับธุรกิจสินเชื่อบุคคลมีอัตราเติบโตที่ 3.3% หรือมีมูลค่าจำนวน 30,460 ล้านบาท ใช้กลยุทธ์ให้ความสำคัญกับลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิม โดยคาดว่าจะสามารถโตได้ 7% ตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้

ขณะที่ยอดลูกหนี้สินเชื่อพี่เบิ้มและกรุงไทยลีสซิ่งสำหรับลูกค้าใหม่มีมูลค่าประมาณ 525 ล้านบาท แม้จำนวนเพิ่มจะยังต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้แต่บริษัทก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะประสานงานกับทุกฝ่าย เพื่อเร่งหาลูกค้าและเพิ่มอัตราการขยายตัวสำหรับช่วงระยะเวลาครึ่งปีที่เหลือ

ขณะที่ ณ ไตรมาสสอง ปี 2565 บริษัทมี NPL เท่ากับ 3.5% บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถคงคุณภาพพอร์ตรวมได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และคาดการณ์พอร์ตสินเชื่อรวมจะมีมูลค่ามากกว่า 100,000 ล้านบาท พร้อมประมาณการกำไรของปี 2565 ที่สูงกว่าเดิมเป้าหมาย 6,251 ล้านบาท

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 2565 KTC ยังคงมุ่งเน้นในการจัดหาลูกหนี้ใหม่ให้มากขึ้นสำหรับช่วงระยะเวลาหกเดือนหลังของปีนี้ ตลอดจนสร้างสรรค์กิจกรรมทางการตลาดให้สอดคล้องกับสภาพการณ์หรือบริบทที่ปรับเปลี่ยนไป อาจจะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนมีการตั้งสำรองเพิ่มตามพอร์ตลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้น แม้กระนั้นบริษัทเชื่อมั่นว่า การที่บริษัทบรรลุเป้าหมายในด้านอัตราการเติบโตของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรมูลค่ายอดลูกหนี้ที่ขยายตัวได้ตามที่ตั้งใจไว้

Back to top button