เปิด 8 หุ้นรับ “ไอโฟน 14” ปั๊มยอดขาย ดัน Q4 กำไรทะลัก!

แนะสอยหุ้นตัวแทนขายและค่ายโทรศัพท์มือถือ COM7-TRUE-ADVANC-DTAC-CPW-SPVI-SYNEX-JMART รับอานิสงส์ “ไอโฟน 14” จ่อเปิดตัวเป็นทางการเดือนก.ย.65 คาดเข้าไทยต.ค.65 จับตาสาวกแอปเปิ้ลแห่ซื้อ ดันยอดขายพุ่ง ดันกำไรไตรมาส 4/65 โตทะลัก


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลโดยเชื่อว่าสาวก iPhone กำลังใจจดจ่อรอตัวใหม่เปิดตัวโดยเฉพาะในปี 2565 จะเป็นตัว iPhone 14 คาดว่าจะมีการอัพเกรดสเปกต่างๆ หลายด้าน อย่างหน้าจอที่มีรอยบากแบบใหม่ที่มีขนาดเล็กลง และชิปเซ็ตที่เร็วแรงกว่าเดิมอย่าง A16 Bionic รวมไปถึงกล้องที่มีเซ็นเซอร์ดีกว่าเดิม และอื่นๆ อีกเพียบ

โดยตามข่าวลือคาดว่ามีการเพิ่มรุ่น iPhone 14 Max ที่มีหน้าจอแบบ LTPS 60Hz และบางส่วนอาจแตกต่างไปจากรุ่น Pro ที่ใช้จอ ProMotion LTPO 120Hz และสำหรับสาวกที่รอ Phone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ถ้ามาแบบนี้จริงจะเป็นการอัพเกรดกล้องครั้งใหญ่บน iPhone โดยจะมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 เลนส์เช่นเดิม แต่อัพเกรดเลนส์หลักเป็นความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ส่วนอีก 2 เลนส์จะเป็นเลนส์ Ultra-Wide Angle และ Telephoto ที่ 12 ล้านพิกเซลเท่ากัน

สำหรับวันเปิดตัวของ iPhone 14 ตามที่มีกระแสข่าวลือว่ามีความเป็นไปได้ว่า Apple จะเปิดตัว iPhone 14 ในวันที่ 13 กันยายน 2565 และเริ่มวางจำหน่ายในกลุ่มประเทศแรกวันที่ 23 กันยายน 2565 หรือหลังจากเปิดตัว 10 วัน ซึ่งเดือนกันยายนก็เป็นช่วงเวลาในการจัดงานเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่เป็นประจำทุกปี

ทั้งนี้ หากย้อนกับไปดูผลสถิติของการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ของแต่ละปีนั้นๆ ตัวอย่างเช่น  iPhone 13 เปิดตัววันอังคารที่ 14 กันยายน 2564 หลังจากนั้นมีการวางจำหน่ายวันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2564 ขณะที่ iPhone 12 เปิดตัววันอังคารที่ 13 ตุลาคม 2563 หลังจากนั้นมีการวางจำหน่ายวันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม 2563 ส่วน iPhone 11 เปิดตัววันอังคาร ที่ 10 กันยายน 2562 หลังจากนั้นมีการวางจำหน่ายวันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2562 และ iPhone XS เปิดตัววันจันทร์ ที่ 12 กันยายน 2561 หลังจากนั้นมีการวางจำหน่ายวันศุกร์ ที่ 21 กันยายน 2561

ดังนั้น ข้อมูลตามที่มีข่าวลือหลุดล่าสุดจึงเชื่อว่า iPhone 14 จะเปิดตัวในวันอังคารที่ 13 กันยายน 2565 และวางจำหน่ายในกลุ่มประเทศแรกในวันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 จึงมีการคาดการณ์ว่าก็มีความเป็นไปได้ว่าในประเทศไทยจะเริ่มพรีออเดอร์ในวันที่ 30 กันยายน 2565 แล้วเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 7 ตุลาคม 2565  เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตามจากข้อมูลข้างต้นถึงแม้ว่าจะไม่มีใครสามารถยืนยันได้ 100% ในขณะนี้ แต่ iPhone รุ่นใหม่ก็น่าจะมาในช่วงเดือนกันยายนเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา

ส่วนบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายแห่งที่เป็นตัวแทนจำหน่ายต่างยิ้มรับผลประกอบการเพราะปีนี้ไอโฟนเปิดตัวเร็ว และราคาขายก็ปรับขึ้นมาอีกระดับ ในที่นี้จะกล่าวถึง บจ.ที่ขายเฉพาะเครื่องเปล่า และรวมถึงผู้ให้บริการเครือข่ายพร้อมจำหน่ายเครื่อง ประกอบด้วย บจ. 8 แห่ง คือ COM7, TRUE, ADVANC, DTAC, CPW , SPVI , SYNEX, บริษัท เจ มาร์ท โมบาย จำกัด ในเครือ JMART

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายวิเคราะห์ของ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ได้ทำการสำรวจข้อมูลสำหรับหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จาก iPhone 14 ซึ่งคาดว่าจะเป็นตัวแทนและศูนย์จำหน่าย โดยประเมินบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 4 บริษัท ดังนี้

สำหรับ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ประเมินต่อ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 คาดว่าผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2565 จะขยายตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเทียบกับครึ่งปีแรก มีการรับรู้รายได้จากการขายสินค้าใหม่ รวมทั้ง MacBook Air ใหม่ และ MacBook Pro (ใช้ชิป M2) โดยคาดเริ่มขายในไตรมาส 3/2565 และ iPhone 14 ในไตรมาส 4/2565

ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 3.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ได้รับแรงหนุนโดย ส่วนของรายได้ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มสาขาจำนวน 150 แห่ง, การเพิ่มประเภทสินค้า และบริการ ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า และ Alibaba cloud รวมทั้งยังคงประเมินสินค้าขาดตลาดที่จะเริ่มดีขึ้นตามความต้องการของการ์ดจอที่ลดลง และการคลายล็อกดาวน์ในประเทศจีน

นอกจากนี้ยังมีอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะเพิ่มขึ้นเป็น 13.6% จากยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มี GPM สูงกว่าสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น  และยังคงประเมินค่าใช้จ่ายดำเนินงานจะเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทไม่มีการได้รับส่วนลดค่าเช่าที่รับรู้ที่สูงเหมือนกับปี 2564 โดยบริษัทได้รับส่วนลดค่าเช่าจากโควิด-19 ระหว่างเดือนมิถุนายน 2563 ไปจนถึงเดือน มิถุนายน 2565 โดยให้ราคาเป้าหมาย 43 บาท

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ประเมินว่า บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE โดยคาดหวังการเติบโตที่ดีขึ้นในช่วงไตรมาส 4/2565 เพราะจะได้แรงหนุนจากผลของฤดูกาล เนื่องจากในไตรมาส 4 ของทุกปีจะมีการเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ ซึ่งช่วยกระตุ้นทั้งยอดขายมือถือและลูกค้าใหม่ให้สูงขึ้น ดังนั้นยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.70 บาท

รวมทั้ง บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC คาดหวังการเติบโตที่ดีขึ้นในไตรมาส 4/2565 เนื่องจากในไตรมาส 4 ของทุกปี จะมีการเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ซึ่งจะช่วยกระตุ้นทั้งยอดขายมือถือและลูกค้าใหม่ให้สูงขึ้น พร้อมยังคงประมาณการกำไรปี 2565 อยู่ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2566 อยู่ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 245 บาท

นอกจากนี้ บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART คาดประมาณการกำไรปกติปี 2565 ไว้ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2566 ยังคงประมาณกำไรปกติอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้กำไรปกติในงวดครึ่งแรกของปี 2565 จะมีสัดส่วน 43% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2565 เพราะเชื่อว่ากำไรในงวดไตรมาส 3/2565 ไปจนถึงงวดไตรมาส 4/2565 มีแนวโน้มจะเร่งตัวขึ้นได้จากการเติบโตของธุรกิจบริหารและจัดเก็บหนี้ที่ยังมีแนวโน้มดีต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีโดยตามพอร์ตลูกหนี้ที่คาดจะขยายตัวบวกกับความสามารถจัดเก็บหนี้ที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมให้สูงขึ้น

อีกทั้งในงวดไตรมาส 4/2565 คาดได้รับผลบวกจากการจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือที่มักจะมียอดขายสูงสุดในช่วงปลายปี และการจำหน่ายไอโฟนรุ่นใหม่ที่จะช่วยผลักดันมาร์จิ้นได้เช่นกัน ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 63.60 บาท

Back to top button