XO เปิดแผนครึ่งหลังปี 65 เดินหน้าขยายต่างประเทศ ปิดดีลลูกค้าเพิ่ม

XO เคาะปันผล 0.188 บ. ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 29 ส.ค.65 พร้อมเปิดแผนครึ่งหลังปี 65 ขยายตลาดต่างประเทศ ปิดดีลลูกค้าเพิ่ม เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หนุนรายได้โตแกร่ง


นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดซอสส่งออกในครึ่งปีหลัง ยังคงเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง โดยได้ขยายออเดอร์ไปยังลูกค้ารายใหม่เพิ่มเติม ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก เป็นต้น

ทั้งนี้ถึงแม้ว่าผลงานในไตรมาส 2/65 ที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบยอดขายที่ลดลงจากหลายประเทศในทวีปยุโรปเริ่มมีการยกเลิกและ/หรือผ่อนคลายมาตรการเกี่ยวกับ COVID-19 ทำให้ประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และมีการประกอบอาหารที่บ้านน้อยลง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายสินค้าของบริษัทในระยะสั้น โดย XO ยังอยู่ระหว่างบุกตลาดใหม่ที่น่าสนใจเพิ่มเติมอีก เชื่อว่าจะสามารถสนับสนุนฐานรายได้ที่มั่นคงในอนาคต รับแนวโน้มตลาดซอสและเครื่องปรุงอาหารไทยมีแนวโน้มเติบโตระยะยาว เนื่องจากรสชาติอาหารไทย ครองใจผู้บริโภคต่างประเทศ

อย่างไรก็ดี  เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก (ม.ค. – มิ.ย.65) ในอัตรา 0.188 บาทต่อหุ้น กำหนดวันปิดสมุดทะเบียน (Record Date) ในวันที่ 30 ส.ค.65กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 29 ส.ค.65 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 12 ก.ย.65

ภาพรวมปี 2565 เป็นอีกปีที่ท้าทาย สินค้ากลุ่มซอสซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มหลักไฮมาร์จิ้น โดยมีสัดส่วนยอดขายกว่า 87.8% โดย ยอดขายปรับตัวลดลง จากประเทศในทวีปยุโรปผ่อนคลายสถานการณ์ COVID แต่มองเป็นปัจจัยลบระยะสั้น เพราะในแง่ของแผนการขยายตลาดเรายังสามารถทำได้ดี กลยุทธ์การสนับสนุนค่าใช้จ่ายทางการตลาดหรือ Listing Fee ให้กับตัวแทนจำหน่าย ยังสร้างโอกาสนำผลิตภัณฑ์กลุ่มซอสของบริษัทบุกตลาดโลก ตลอดจนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อเพิ่มฐานรายได้ที่มั่นคงในอนาคต” นายจิตติพร กล่าว

ทั้งนี้ ณ งวดครึ่งปีแรก XO มีสัดส่วนยอดขายหลักอยู่ในทวีปยุโรปกว่า 80% ด้านต้นทุนวัตถุดิบมีการล็อกราคาไว้ล่วงหน้าจนถึงสิ้นปี 65 เพื่อควบคุมความเสี่ยง และปัจจุบันใช้กำลังการผลิตในระดับ 64.3%

ด้านผลการดำเนินงานของ XO สำหรับงวดไตรมาส 2/65 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 391.62 ล้านบาท ลดลง 14.19% มีกำไรสุทธิ 94.81 ล้านบาท ลดลง 38.69% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าในไตรมาส 2/65 เท่ากับ 41.85% เนื่องจากการลดลงจากยอดขาย ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตรวมลดลง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยเพิ่มขึ้น ประกอบกับการปรับขึ้นราคาของวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงมุ่งเน้นการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่รัดกุม

สำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 65 (สิ้นสุด ณ มิ.ย.65) บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้า 739.37 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 189.97 ล้านบาท

Back to top button