SHR ยันไร้กระทบวิกฤตพลังงาน “ยุโรป” หลังทำ “เฮดจิ้ง” ถึงปี 66

SHR ยันไร้ผลกระทบวิกฤตพลังงานในยุโรป หลังทำ Hedging ครอบคลุมถึงปี 66 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า เดอ คุยเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR เปิดเผยว่า จากที่มีความกังวลในเรื่องราคาพลังงาน โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติในยุโรปและสหราชอาณาจักรที่อาจจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนพลังงาน และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ นั้น ทางบริษัทฯ ได้มีการติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทางบริษัทฯ เข้าทำสัญญาป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ด้านต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นต้นทุนพลังงานหลักของบริษัทฯ เอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการทำสัญญาประกันราคาดังกล่าวครอบคลุมไปจนถึงปี 66 โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่มีปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติในระดับสูง สำหรับประมาณการ

สำหรับผลประกอบการของพอร์ตโฟลิโอในสหราชอาณาจักรสำหรับปี 65 นั้น ต้นทุนก๊าซธรรมชาติคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 3% ของประมาณการรายได้ทั้งปี 65 ดังนั้น บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากสถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติที่ผันผวน ณ ขณะนี้ ผนวกกับการจัดการเชิงรุกของบริษัทฯ จะทำให้ผลประกอบการของพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักรสามารถบรรลุเป้าหมายประมาณการของบริษัทฯ ได้

นอกจากนั้นแล้ว จากรายงานคาดการณ์โดยวาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐฯ มีมุมมองว่าราคาพลังงานอาจจะปรับตัวลดลงได้มากกว่าครึ่ง ตั้งแต่ในไตรมาสที่ 2 ปี 66 เป็นต้นไป เนื่องจากหลายประเทศในยุโรปเริ่มมีการเก็บสะสมก๊าซธรรมชาติสำรองไว้ในระดับที่เพียงพอต่อการใช้ในช่วงฤดูหนาวนี้

โดยผลการดำเนินงานในปี 65 และยอดจองล่วงหน้าของในช่วงต้นปี 66 ยืนยันให้เห็นถึงสัญญาณการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของการท่องเที่ยว โดยโรงแรมหลายแห่งภายใต้การดำเนินงานของบริษัทฯ มีอัตราการเข้าพักในระดับดีกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และมีค่าห้องพักเฉลี่ยเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่องอยู่ที่ระดับ 80 ปอนด์ สูงกว่าปี 62 ซึ่งเป็นระดับก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 แล้วกว่า 20% กอปรกับบริษัทฯ อยู่ระหว่างการใช้กลยุทธ์การหมุนเวียนลงทุนสินทรัพย์ (Asset Rotation) หรือการขายสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพต่ำ และนำเงินที่ได้ไปลงทุนในโรงแรมที่มีศักยภาพสูง โดยการปรับปรุงห้องพักในโรงแรมที่มีศักยภาพหลายแห่งนี้จะเป็นกลไกหลักในการปรับเพิ่มอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยได้อีกกว่า 15-20%

ทั้งนี้บริษัทฯ ยืนยันว่า ได้มีการประเมินและติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด และพร้อมใช้มาตรการในการป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที และขอให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าผลประกอบการปีนี้ของบริษัทฯ จะทะลุเป้าหมายที่วางไว้เดิมที่ 8,500 ล้านบาทได้ หนุนโดยผลประกอบการที่แข็งแกร่งขึ้นของทุกพอร์ตโฟลิโอ โดยเฉพาะสาธารณรัฐมัลดีฟส์ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งจะผลักดันให้รายได้ของบริษัทฯ เติบโตขึ้นต่อเนื่องในปี 66 สู่ 10,000 ล้านบาท

Back to top button