PSTC ลุ้นปี 66 พลิกกำไร รับรู้ “ท่อส่งน้ำมัน” เต็มปี ตั้งเป้าขยาย “โซลาร์รูฟ” แตะ 30MW

PSTC เชื่อสามารถพลิกกลับมามีกำไรในปี 66 รับการเติบโต 3 กลุ่มธุรกิจ เตรียม COD ท่อส่งน้ำมันช่วงไตรมาส 4/65 และรับรู้เต็มปีในปี 66 พร้อมเดินหน้าขยายโซลาร์รูฟแตะ 30 MW


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 ก.ย. 65) นางสาวปิยะภัทร์ สุวรรณสังข์ กรรมการบริหารและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PSTC เผยว่า จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ในปี 66 โดยมาจากการเติบโตของ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจท่อส่งน้ำมัน ดำเนินการโดยบริษัท ไทย ไปป์ ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด หรือ TPN บริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ซึ่งในปัจจุบันการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันได้ดำเนินการแล้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว และมีการรับน้ำมันเข้ามาเพื่อการทดสอบคลังไปเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา คาดว่าจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 4/65 และจะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีในปีหน้า

ทั้งนี้ปัจจุบัน PSTC ได้มีการเซ็นสัญญากับลูกค้าหลักอย่างบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง OR มีปริมาณการขนส่งน้ำมันมากกว่า 50% ของ Capacity ทั้งหมด ส่วนลูกค้าอื่นๆ อยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดจะสามารถเซ็นสัญญาได้ก่อน COD นี้

สำหรับท่อส่งน้ำมันดังกล่าว เป็นการวางท่อจากสระบุรีไปจนถึงขอนแก่น ระยะทาง 342 กิโลเมตร เป็นท่อขนาด 16 นิ้ว มีประสิทธิภาพในการส่งน้ำมัน ความจุได้ถึง 5,443 ล้านลิตรต่อปี สามารถปรับเพิ่มขึ้นเป็น 7,330 ล้านลิตรต่อปี เมื่อมีความต้องการส่งน้ำมันเพิ่มขึ้น ขณะที่คลังของ TPN ตั้งอยู่ที่อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น บนพื้นที่ 200 ไร่ มีความสามารถในการเก็บน้ำมันได้ 157 ล้านลิตร

ส่วนลูกค้าของ TPN ประกอบด้วย ผู้ประกอบการค้าปลีกน้ำมันในประเทศไทยทั้งหมด และผู้นำเข้าจากประเทศลาว อีก 5 ราย โดยในปีแรกหรือปี 66 บริษัทฯ ประเมินว่าจะขนส่งน้ำมันได้ราว 3,020 ล้านลิตร หรือคิดเป็น 55% ของความจุทั้งหมด และคาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 8-10 ปี

“จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 58-63 มีปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มสูงขึ้นทุกปี และในปี 64 แม้จะมีสถานการณ์โควิด-19 เข้ามา แต่ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันลดลงเพียงแค่ 3% เท่านั้น เช่นกันในประเทศลาว มีปริมาณการส่งออกน้ำมันจากไทยไปลาว โดยเฉลี่ยตั้งแต่ปี 58-63 อยู่ที่ 1,100-1,200 ล้านลิตร และปี 64 เนื่องจากมีโควิด-19 ทำให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันของประเทศลาวลดลง ราว 15% หรืออยู่ที่ประมาณ 970 ล้านลิตรต่อปี

อย่างไรก็ตามเมื่อย้อนไปดูข้อมูลในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปีละ 3.9% และประเทศลาว พบว่ามีการเติบโตราว 5.9% วอลุ่มดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดหรือปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในโซนกลุ่มเป้าหมายของบริษัท และด้วยจุดแข็งของท่อส่งน้ำมันที่มีการเชื่อมท่อกับทาง Thappline ซึ่งเป็นผู้ขนส่งน้ำมันทางท่อมากว่า 30 ปี ขณะเดียวกันในปัจจุบัน มีน้ำมันผ่านท่อราว 7,000-8,000 ล้านลิตร ซัพพลายไปยังภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง รวมถึงโครงการท่อส่งน้ำมันของ TPN ช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการการขนส่ง หรือ สามารถบริหารจัดการแบบ One Stop Service ช่วยลดอุบัติเหตุ ลดการสูญเสียน้ำมันระหว่างการขนส่ง อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทน้ำมันมีพื้นที่ในการจัดเก็บปริมาณน้ำมันสำรองได้เพิ่มขึ้น” นางสาวปิยะภัทร์ กล่าว              

นอกจากนี้ธุรกิจการจัดจำหน่ายก๊าซ LNG ซึ่งจะเป็นการเซ็นสัญญาระยะยาวกับลูกค้า หากมีลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้นจะเป็นการสนับสนุนยอดขาย LNG ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปด้วย ด้านธุรกิจการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับภาคเอกชน ในรูปแบบ Private PPA บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 30 เมกะวัตต์ โดยจะขยายไปในกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล โรงแรม และอุตสาหกรรมต่างๆ จากปัจจุบันมีการดำเนินการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับลูกค้าเอกชนในรูปแบบดังกล่าวไปแล้วจำนวน 10 โครงการ และมีการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว 6 โครงการ โดยอีก 4 โครงการที่เหลือจะสามารถ COD ได้ในไตรมาส 4/65

Back to top button