SABINA จัดโปร “แบล็ค ฟรายเดย์” เร่งปั๊มรายได้ “ออนไลน์” โตเข้าเป้า 20%

SABINA ปลื้มแคมเปญ “11.11” กระแสแรง เตรียมส่งโปรโมชั่นใหม่เอาใจขาช้อป “แบล็ค ฟรายเดย์” เร่งปั๊มรายได้ออนไลน์ปี 65 โต 20% ตามเป้า


นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA เปิดเผยว่า หลังจาก SABINA จัดโปรโมชั่น “คนคลั่งลด” สำหรับเมกะแคมเปญ 11.11 ซึ่งเป็นมหกรรมช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในรอบปี โดยทำตลาดบนแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ทั้งซาบีน่า ออนไลน์ และแพลตฟอร์ม “ลาซาด้า” ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญ รวมถึงทำตลาดออฟไลน์ผ่านช่องทางหน้าร้าน และเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า ปรากฏว่า สินค้าของ “ซาบีน่า” ได้รับความสนใจอย่างมากเหมือนที่ผ่านมา และทำให้สามารถครองอันดับหนึ่งสินค้าในกลุ่มแฟชั่นที่มียอดขายสูงสุดทุกแพลตฟอร์มได้อีกครั้ง

“เราประสบความสำเร็จจากแคมเปญ 9.9 มาแล้ว จนถึงเมกะแคมเปญ 11.11 เราก็สามารถทำยอดขายสูงสุดได้อีกครั้ง ซึ่งปัจจัยที่สนับสนุนความสำเร็จ นอกจากจะมาจากความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าของ “ซาบีน่า” ที่เน้นทั้งการสวมใส่สบาย ดีไซน์สวยงาม และมีความหลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าได้แล้ว ยังมีปัจจัยกระตุ้นจากโปรโมชั่นแรงๆ ที่เราตั้งใจนำเสนอเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ รวมถึงการบริการที่ทีมขายสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ปิดการขายได้ในเวลาจำกัด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นความตั้งใจของเราที่มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพการบริการด้านการขายในช่องทางออนไลน์ให้ดียิ่งขึ้น” นางสาวดวงดาว กล่าว

ทั้งนี้ มั่นใจว่าในปีนี้ SABINA จะสามารถสร้างการเติบโตในช่องทางขายแบบไม่มีหน้าร้านหรือ NSR (Non-Store Retailing) เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะในเดือนนี้ที่ยังมีแคมเปญ “แบล็ค ฟรายเดย” (Black Friday) ซึ่งเป็นมหกรรมช็อปปิ้งที่สินค้าต่างๆ จะลดราคาเพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยจะตรงกับวันศุกร์ในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายน ซึ่งปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน ก็จะเป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่จะสร้างรายได้ในช่องทางออนไลน์ให้กับ SABINA

นอกจากนั้น SABINA ได้ติดตามพัฒนาการของยอดขายในช่องทางแบบไม่มีหน้าร้านหรือ NSR ในช่วงที่ผ่านมา และพบว่า สัดส่วนของช่องทางขายต่างๆ ที่อยู่ในช่องทาง NSR มีการเปลี่ยนแปลงไป โดยช่องทางออนไลน์ ที่รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ของ SABINA และแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 57% ขณะที่ช่องทางทีวีช้อปปิ้งและแคตาล็อกอยู่ที่ 34% และช่องทางธุรกิจใหม่ เช่น ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ มีสัดส่วนอยู่ที่ 9% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของยอดขายในช่องทางออนไลน์สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของลูกค้าที่คุ้นเคยกับช่องทางออนไลน์มากขึ้น

รวมถึงสะท้อนการขยายฐานลูกค้าของ SABINA ไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ที่อาจจะยังไม่เคยซื้อสินค้า โดยเฉพาะลูกค้าในพื้นที่ห่างไกลที่เห็นสัญญาณการเข้ามาเป็นลูกค้าใหม่ผ่านช่องทางดังกล่าวมากขึ้น จากเดิมที่ลูกค้าออนไลน์จะหนาแน่นในกลุ่มเมือง ทำให้โอกาสในการขยายฐานและเดินหน้าทำตลาดกับลูกค้าในกลุ่มนี้ยังสามารถต่อยอดสร้างการเติบโตให้กับช่องทางขายออนไลน์ได้อีกมาก ซึ่งเป็นโจทย์การตลาดที่ SABINA จะต้องพัฒนาต่อไป

Back to top button