ส่งท้ายปี! KTMS เทรดวันแรกลุ้นวิ่งทะลุ 4 บ. โบรกฟันกำไรปี 65-66 โต 57%

KTMS เทรดวันแรก! ลุ้นวิ่งทะลุ 4 บ. จากราคา IPO ที่ 3.10 บ. โบรกฟันธงกำไรปี 65-66 เติบโตเฉลี่ย 56.9% ต่อปี สอดรับธุรกิจฟอกไตโตแกร่ง จากนโยบายของภาครัฐหนุน-ยอดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น รวมถึงแผนการขยายสาขาต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (23 ธ.ค.65)  บริษัท เคที เมดิคอล เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ KTMS ผู้ให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมแบบครบวงจร เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มบริการ เป็นวันแรก โดยมีทุนชำระแล้ว 150 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 223.36 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 76.64 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3.10 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 237.57 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 930 ล้านบาท

ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ประมาณ 37.29 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565) ซึ่งเท่ากับ 24.94 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.083 บาท โดยมี บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ

สำหรับ KTMS เป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ฟิลเตอร์ วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FVC ประกอบธุรกิจให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ทั้งในรูปแบบคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางไตเทียม (Stand-Alone) และหน่วยไตเทียมในโรงพยาบาล (Outsource) มีบริษัทย่อย 3 บริษัทที่ถือหุ้น 85-100% ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริการออกแบบ ติดตั้ง บำรุงรักษาระบบผลิตน้ำบริสุทธิ์และจัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม การผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาไตเทียม และบริการออกแบบ ติดตั้งอุปกรณ์ท่อลมรับและส่ง สิ่งส่งตรวจทางการแพทย์

โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 กลุ่มบริษัทมีเครื่องไตเทียมจำนวน 254 เครื่อง มีหน่วยไตเทียมจำนวน 20 สาขา แบ่งออกเป็นหน่วยไตเทียมในโรงพยาบาล 17 สาขา และคลินิกเวชกรรมไตเทียม 3 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ได้แก่ ภาคกลางและกรุงเทพฯ 2 สาขา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 สาขา ภาคเหนือ 4 สาขา ภาคตะวันออก 2 สาขา และภาคตะวันตก 2 สาขา

ขณะที่งวด 9 เดือนปี 2565 มีสัดส่วนรายได้จากหน่วยไตเทียมในโรงพยาบาลจากคลินิกเวชกรรมคิดเป็นร้อยละ 81:19 และมีโครงสร้างรายได้ประกอบด้วย การให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมอยู่ที่ 74%, บริการออกแบบ ติดตั้ง ระบบผลิตน้ำบริสุทธิ์และจัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับการฟอกเลือดฯ อยู่ที่ 11%, ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาไตเทียมอยู่ที่ 9%, บริการออกแบบ ติดตั้งอุปกรณ์ท่อลมรับ-ส่ง สิ่งส่งตรวจทางการแพทย์อยู่ที่ 4%, รายได้อื่นอยู่ที่ 2%

ด้าน นางสาวกาญจนา พงษ์พัฒนะเดชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTMS เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์การเป็นพยาบาลระดับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไตเทียมมากว่า 15 ปี จึงมีความเข้าใจ และตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วด้วยทีมงานที่มีคุณภาพ ทำให้บริษัทเป็นที่ยอมรับในวงการไตเทียม ประกอบกับ ดร.วิจิตร เตชะเกษม ผู้ซึ่งมีความสามารถและประสบการณ์ทางด้านระบบน้ำ จึงทำให้บริษัทสามารถขยายการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างครบวงจร และนับเป็นโอกาสทางธุรกิจของกลุ่ม FVC

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้ลงทุนในสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ลงทุนในโรงงานผลิตน้ำยาไตเทียมและศูนย์บริการวิศวกรรม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

โดยบริษัทมีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ FVC ถือหุ้น 53.08% กลุ่มครอบครัวเกียรติชวนันต์ ถือหุ้น 7.67% และกลุ่มครอบครัวเตชะเกษม ถือหุ้น 5.39% โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท

สำหรับ KTMS ยังขับเคลื่อนธุรกิจผ่านบริษัทย่อย 3 บริษัท ประกอบด้วย 1) บริษัท เออร์วิง คอร์ปอเรชั่น จำกัด ให้บริการออกแบบติดตั้งระบบผลิตน้ำสำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมและการบำรุงรักษา , ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาไตเทียม 2) บริษัท เมดิคอล วิชั่น จำกัด ให้บริการออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์ท่อลมรับ-ส่ง สิ่งส่งตรวจทางการแพทย์ 3) บริษัท เนโฟร วิชั่น จำกัด ให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ทั้งในรูปแบบคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางไตเทียม และหน่วยไตเทียมในโรงพยาบาล เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าในกลุ่มสิทธิประโยชน์จากนโยบายสนับสนุน SME ของภาครัฐ

ทั้งนี้จากแผนระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งทางการเงิน โดย “KTMS” จะนำเม็ดเงินที่ได้กว่า 237 ล้านบาท ไปต่อยอดธุรกิจการให้บริการ เพื่อใช้ลงทุนในสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม จำนวน 155 ล้านบาท พร้อมทั้งขยายสาขาเพิ่มอีก 14 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็น Outsource 8 สาขา และ 6 สาขาเป็น Stand Alone ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีจำนวนเครื่องไตเทียม เพิ่มขึ้น 123 เครื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนใช้ลงทุนในโรงงานผลิตน้ำยาไตเทียม และศูนย์บริการวิศวกรรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 61 ล้านบาท เพื่อรองรับปริมาณผู้ป่วยโรคไตที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่า การเข้าระดมทุนในครั้งนี้จะเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน เพื่อขยายการรองรับโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ขณะที่ นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินว่า “KTMS” จัดอยู่ในประเภทหุ้น ESG ที่มีความยั่งยืนต่อเนื่อง และมีความเสี่ยงต่ำ โดยหากพิจารณาจากสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง จากรายได้เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี (CAGR) ที่ 30.73% ประกอบกับมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ต่ำ เป็นหุ้นที่มีรายได้มั่นคง

ทั้งนี้ KTMS มีศักยภาพความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมที่ครบวงจร ซึ่งสอดรับการสนับสนุนจากโครงการสวัสดิการด้านสุขภาพภาครัฐ อาทิ โครงการสวัสดิการด้านสุขภาพภาครัฐต่าง ๆ เช่น การสนับสนุนงบบริการผู้ป่วยเรื้อรัง จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่สนับสนุนให้ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ที่มีสิทธิสามารถร่วมตัดสินใจเลือกวิธีการล้างไต เป็นแบบฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมร่วมกับแพทย์ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้มีจำนวนผู้ป่วยใช้บริการกับกลุ่มบริษัทฯมากยิ่งขึ้น

ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวจึงตอกย้ำถึงศักยภาพทางธุรกิจของ KTMS ได้อย่างชัดเจน  ดังนั้นทำให้เชื่อมั่นว่าการระดมทุนในครั้งนี้ จะสนับสนุนให้ “KTMS” เพิ่มขีดความสามารถในการขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงในอนาคต

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินราคามูลค่าเหมาะสม KTMS ที่ระดับ 4.12 บาท โดยประเมินรายได้จากการดำเนินงานช่วงปี 2565 อยู่ที่ 360.2 ล้านบาท และในปี 2566 อยู่ที่ 529.6 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย CAGR (2565-2566) 30.8% ต่อปี ขณะที่ประเมินกำไรช่วงปี 2565 อยู่ที่ 18.2 ล้านบาท และในปี 2566 อยู่ที่ 41.3 ล้านบาท มีการเติบโตเฉลี่ย CAGR (2565-2566) 56.9% ต่อปี

โดยมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตจากธุรกิจให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมที่คิดเป็น 75% ของรายได้รวม ซึ่งบริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการให้บริการโดยการขยายสาขาจากเดิมอีก 14 สาขา และเพิ่มจำนวนเครื่องไตเทียมอีก 123 เครื่อง ภายในปี 2566 ส่วนกลุ่มธุรกิจอื่นๆ คิดเป็น 25% ของรายได้รวม มีแนวโน้มเติบโตควบคู่ไปกับการขยายสาขาในโรงพยาบาล

นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ประเมินราคามูลค่าเหมาะสม KTMS ที่ระดับ 4.00 บาท พร้อมมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงาน และกำไรสุทธิในปี 2565 ว่า มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในปี 2566 ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยการเติบโตของธุรกิจฟอกไต จากนโยบายของภาครัฐ และจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น รวมถึงแผนการขยายสาขา จาก 20 แห่งในไตรมาส 3/2565 เป็น 34 สาขา โดยในปี 2566 อีกทั้งยังมีจำนวนเครื่องไตเทียมเพิ่มขึ้นจาก 254 เครื่องในไตรมาส 3/2565 เป็น 377 เครื่องในปี 2566 จากปัจจัยในข้างต้น

ทั้งนี้ ส่งผลให้คาดการณ์กำไรเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 50% (2564-2567) จากการคาดการณ์การเติบโตของ KTMS ที่คาดว่ากำไรสุทธิเติบโต 20% ในปี 2565 และในปี 2566 เติบโตจะเร่งขยายตัวขึ้นเป็น 124% และในปี 2567 เติบโต 29% จากการรับรู้รายได้จากการขายและบริการที่เพิ่มขึ้น 28% CAGR (2564-2567)

รวมทั้งการเติบโตของกำไรขั้นต้นที่ 32% CAGR และในปี 2565 คาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 20% และในปี 2566 คาดอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 22% และในปี 2567 คาดอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 22% อีกทั้งคาดการณ์ EBIT Margin ทรงตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 8.1% ในปี 2565 และในปี 2566 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 11.4% และในปี 2567 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 11.8%

Back to top button