“เกตติวิทย์” ซีอีโอ LEO ขายบิ๊กล็อต 2.8% ดึงกองทุนสิงคโปร์ถือหุ้น

“เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์” ซีอีโอ LEO ขายบิ๊กล็อต 2.8% พร้อม LE0-W1 จำนวน 1 ล้านหน่วย ดึงกองทุนสิงคโปร์ “Capital Asia Investment” เข้าถือ เดินหน้าผนึกพันธมิตรขยายเครือข่ายงานโลจิสติกส์ ยันไม่กระทบนโยบายดำเนินงาน


บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO ระบุว่า ตามที่ได้ปรากฏในรายการซื้อขายหุ้น LEO ผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์บนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board)  จำนวนรวม 9,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 2.81 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ LEO และรายการซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 หรือ LE0-W1 จำนวนรวม 1,000,000 หน่วย โดยรายการดังกล่าวเกิดจากการขายหุ้นโดยนายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ LEO ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้

ทั้งนี้ LEO ได้รับแจ้งจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ LEO ว่า การขายหุ้นใน LEO ครั้งนี้ เป็นการเสนอขายให้กับ Capital Asia Investments Pte Ltd. จำนวน 9,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 2.81 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด และ LE0-W1 จำนวนรวม 1,000,000 หน่วย โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจในการขยายเครือข่ายงานด้านโลจิสติกส์ร่วมกันในอนาคต

อย่างไรก็ตาม การขายหุ้นของ LEO ในครั้งนี้ ไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างการจัดการและนโยบายการดำเนินธุรกิจของ LEO แต่อย่างใด

อนึ่ง Capital Asia Investments Pte Ltd. เป็นกองทุนจากประเทศสิงคโปร์ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAS และเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยหลายบริษัท

นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา  ได้มีการทำรายการขายหุ้น LEO ที่เกิดขึ้นผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์บนกระดานใหญ่ (Big Lot) จำนวน  9 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 13.10 บาท Leo-w1 จำนวน 1 ล้านหน่วย ในราคาหน่วยละ 1.08 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 118.98 ล้านบาท

สำหรับการขายหุ้นบิ๊กล็อตในครั้งนี้ เป็นการทำรายการเข้าซื้อหุ้นจากกองทุนจากประเทศสิงคโปร์ ที่มีความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ LEO หลังจากได้เข้ามาพูดคุยกับทางบริษัทฯ มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง และได้เห็นแผนการขยายธุรกิจ Logistics ทั้งในส่วนของ Freight และ Non-Freight ของบริษัท โดยเฉพาะการมุ่งเน้นการขยายธุรกิจใหม่ๆ ในส่วนของ Logistics Center, Cold Chain, Self Storage  และลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ที่มี Gross Profit Margin สูง  รวมถึงยังมีแผนการ M&A อีกหลายๆ โครงการทั้งในและต่างประเทศที่เห็นภาพชัดเจน และสามารถรับรู้รายได้ภายในประมาณไตรมาสที่ 3/2566 นี้   อีกทั้ง การขยายธุรกิจใหม่ๆที่เป็น Non-Logistics เพื่อเดินหน้าสู่การเติบโตเป็น Growth Stock ในทุกมิติ

 “ก่อนที่กองทุนดังกล่าวจะเข้ามาซื้อหุ้น LEO ทางกองทุนได้เข้ามาพูดคุย รวมถึงศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการเติบโตก่อนที่จะเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทฯ  และมีความมั่นใจว่า บริษัทฯ จะสามารถดำเนินธุรกิจและประสบความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่อง และมองเห็นถึงช่องทางการเติบโตที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรได้อย่างแน่นอน” นายเกตติวิทย์ กล่าว

ทั้งนี้ การขายหุ้นบิ๊กล็อตในครั้งนี้ ไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างการบริหาร และการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ แต่อย่างใดจริงๆ แล้วกองทุนดังกล่าวมีความต้องการซื้อหุ้นของบริษัทฯ มากกว่า 9 ล้านหุ้น แต่บริษัทฯ ไม่สามารถจัดสรรให้ได้ จึงได้เสนอให้ทางกองทุนซื้อวอแรนท์ Leo-w1 แทนและไปใช้สิทธิ์ในการแปลงสภาพแทนในอนาคต ตอกย้ำถึงความมั่นใจของกองทุนดังกล่าวต่อพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ โดยจำนวนหุ้นที่ทางกองทุนจากประเทศสิงคโปร์ซื้อไปนี้คิดเป็นสัดส่วน 2.8% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท

สำหรับภาพรวมแนวโน้มการดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ในปี 66 บริษัทฯ คาดว่าจะสร้างการเติบโตได้อย่างโดดเด่น ทั้งกลุ่ม Logistics ที่เป็น Freight และ Non- Freight และ Non Logistics  เพื่อให้สมกับการเป็นหุ้น Blue Chip Stock ของผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืน ทั้งนี้ทางบริษัทฯ จะมีการประกาศแผนธุรกิจปี 66 รวมถึงกลยุทธ์และเป้าหมายการเติบโตของ LEO ใน 3-5 ปีข้างหน้าอย่างเป็นทางการ  ภายในเดือนมกราคม 66

Back to top button