WHA วางเป้า 5 ปี รายได้แสนล้าน-แย้มปิดดีลลูกค้ายักษ์ใหญ่ “อีวี” Q2 ดันผลงานโตเข้าเป้า

WHA วางเป้า 5 ปี (66-70) รายได้แสนล้าน อัดงบลงทุน 6.85 หมื่นล้าน เน้นธุรกิจโลจิสติกส์-ที่ดิน-ไฟฟ้าเต็มสูบ พร้อมแย้มปิดดีลลูกค้า EV ยักษ์ใหญ่ในจีน 1 รายต้นไตรมาส 2/66 มั่นใจดันผลงานโตเข้าเป้า ตามกลยุทธ์ธุรกิจมุ่งสู่การเป็น Technology Company


นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 65 คาดว่าจะมีรายได้รวม และส่วนแบ่งกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยอัตราการเติบโตกว่า 30% พร้อมตั้งเป้ารายได้รวม และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ 5 ปี (66-70) ที่ 100,000 ล้านบาท พร้อมวางงบลงทุน 6.85 หมื่นล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า (ปี 66-70)

ส่วนแนวโน้มปี 66 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง 2 หลัก โดยเน้นกลยุทธ์ธุรกิจไว้ 5 ข้อ ดังนี้ 1.รักษาความเป็นที่หนึ่งในประเทศด้วยการครองอันดับหนึ่งในทุกธุรกิจขององค์กร, 2.เร่งการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเน้นที่ประเทศเวียดนาม 3.ใช้นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า, 4.สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ โดยเน้นแนวคิดด้านความยั่งยืนเป็นหลัก และ 5.นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาไปสู่องค์กรที่เปี่ยมประสิทธิภาพ และมุ่งสู่การเป็น Technology Company

นอกจากนี้ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ยังได้ริเริ่มภารกิจ “Mission to the Sun” ซึ่งประกอบด้วย 9 โครงการ ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ รวมถึงเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และเสริมสร้างการพัฒนาองค์กร และบุคลากรของบริษัท โดยโครงการที่สำคัญ ได้แก่ Green Logistics, Digital Assets (Metaverse), Digital Health Tech, Circular เป็นต้น

โดยแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจในปี 66 มาจาก 4 กลุ่มธุรกิจได้แก่ 1.ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์, 2.ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์, 3.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์, 4.ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล

สำหรับธุรกิจดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ ณ สิ้นปี 2565 บริษัทฯมีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหาร ทั้งหมด 2,720,000 ตารางเมตร ส่วนปี 2566 มีเป้าหมายในการตอบโจทย์ความต้องการใหม่ๆ ของลูกค้า ในพื้นที่อันเป็นจุดยุทธศาสตร์ ได้แก่ กรุงเทพฯ บางนา-ตราด และจังหวัดต่างๆ ในเขตพื้นที่อีอีซี ตลอดจนขยายขอบเขตทางภูมิศาสตร์ไปยังจังหวัดสำคัญๆ และพื้นที่ใกล้เคียงกับโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่

โดยในปี 2566 บริษัทฯ คาดว่าจะมีการส่งมอบโครงการใหม่และสัญญาใหม่ คิดเป็นพื้นที่รวม 200,000 ตารางเมตร  แบ่งเป็น 165,000 ตร.ม. ในประเทศไทย และ 35,000 ตร.ม. ในเวียดนาม ให้แก่กลุ่มลูกค้า อาทิ ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (3PL) ภาคสินค้าอุปโภคบริโภค และภาคการค้าปลีก

โดยคาดว่าสินทรัพย์รวมภายใต้กรรมสิทธิ์และการบริหารจะสูงถึง 2,900,000 ตารางเมตร ทั้งนี้ ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ ยังได้ตั้งเป้าขายสินทรัพย์พื้นที่ 142,000 ตารางเมตรให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) คาดว่าจะมีมูลค่ารวมประมาณ 3,250 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ โดยปี 2565 บริษัทฯมียอดขายที่ดินรวม 1,860 ไร่ แบ่งเป็น 1,754 ไร่ในประเทศไทย และ 106 ไร่ในประเทศเวียดนาม สูงกว่ายอดขายที่ดินรวมในปี 2564 ที่ 855 ไร่ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 117.5 สำหรับประเทศไทยและเวียดนาม มีพื้นที่ในครอบครองทั้งหมด 71,000 ไร่ โดยมีพื้นที่พร้อมขายกว่า 4,000 ไร่จากความสำเร็จของยอดขายที่ดินทั้งในประเทศไทยและเวียดนามในปี 2565

โดยบริษัทฯคาดว่ายอดขายที่ดินในปี 2566 ทั้งในประเทศไทย และเวียดนามจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยตั้งเป้ายอดขายที่ดิน ไว้ที่ 1,750 ไร่ แบ่งเป็น 1,200 ไร่ในประเทศไทย และ 550 ไร่ ในประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ภายในเดือนมีนาคม-เมษายน 2566 คาดว่าจะปิดดีลใหญ่กลุ่ม EV ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจีนอีกราว 200-300 ไร่ ซึ่งรวมอยู่ในเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ และปิดอีก 1 ดีลใหญ่ที่ให้กับบีวาย

ด้านธุรกิจดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์  ปี 2565 บริษัทฯ มียอดจำหน่ายน้ำและบริหารน้ำรวม 145 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ตามสัดส่วนการถือหุ้นจำนวน 683 เมกะวัตต์ โดยส่วนใหญ่อยู่ในส่วนธุรกิจสาธารณูปโภค ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) โดยในปี 2566 ปริมาณน้ำประปาและการจัดการน้ำเสียทั้งหมดคาดว่าจะสูงถึง 168 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเพิ่มจากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มมากขึ้นจากผู้ใช้อุตสาหกรรมรายใหญ่

สำหรับธุรกิจด้านพลังงาน WHAUP มุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจในประเทศไทย เวียดนาม และสำรวจหาตลาดใหม่ในประเทศอื่นๆ บริษัทฯ มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมและความยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ กับธุรกิจ New S-Curve อาทิ ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) ไฮโดรเจน การซื้อขายคาร์บอนและการใช้และกักเก็บคาร์บอน (CCUS)

ในปี 2566 WHAUP ตั้งเป้าสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ที่ลงนามแล้ว 847 เมกะวัตต์ เพิ่มจาก 683 เมกะวัตต์ในปี 2565 ซึ่งประกอบไปด้วยพลังงานสิ้นเปลือง 547 เมกะวัตต์ พลังงานแสงอาทิตย์ 133 เมกะวัตต์ และพลังงานจากขยะอุตสาหกรรม (Waste to Energy) อีก 3 เมกะวัตต์

ทั้งนี้บริษัทฯยังคงเร่งเดินหน้าพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ที่ลงนามแล้ว 300 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปี 2566 อีกด้วย

ด้านธุรกิจดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล บริษัท ได้เปิดตัว WHAbit แอปพลิเคชันด้านเฮลธ์แคร์ เพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการด้านการดูแลสุขภาพ และการแพทย์ทางไกล โดยประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช ในปี 2565 บริษัทฯ เดินหน้าทรานสฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัลผ่านโครงการต่าง ๆ กว่า 32 โครงการเพื่อก้าวสู่การเป็น Technology Company

ภายหลังจากการเปิดตัวในปี 2565 แอปพลิเคชัน WHAbit หรือโซลูชันสำหรับดิจิทัลเฮลธ์แคร์ ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและกำหนดเปิดตัวเวอร์ชันที่สองในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ด้วยฟีเจอร์การแสดงข้อมูลด้วยภาพ (Data Visualization) และคำแนะนำส่วนบุคคล นอกจากนี้ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ยังวางแผนที่จะเปิดตัว Meta W ซึ่งเป็นเมตาเวิร์สด้านอุตสาหกรรมรายแรกที่ได้รับการออกแบบเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า สร้างโอกาสใหม่ ๆ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ในยุคดิจิทัล

ทั้งนี้ Meta W จะนำเสนอ Digital Twin โดยลูกค้าสามารถเข้าไปสัมผัส และมีประสบการณ์เสมือนจริงทั้งในรูปแบบของกิจกรรม การดำเนินงาน โมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ และการตรวจเช็คข้อมูลต่าง ๆ และในอนาคต ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล มีแผนที่จะขยายผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ เพื่อนำเสนอแก่ลูกค้าทั้งภายในและภายนอกระบบนิเวศของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป

ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทฯ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้รวม และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ 5 ปี (66-70) ที่ 100,000 ล้านบาท พร้อมวางงบลงทุน 6.85 หมื่นล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า (ปี 66-70) โดยเป็นงบลงทุนสำหรับ 4 กลุ่มธุรกิจของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ได้แก่ 1. โลจิสติกส์ จำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท 2.ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำนวน 2.9 หมื่นล้านบาท, 3.WHAUP จำนวน 1.85 หมื่นล้านบาท และ 4.ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล จำนวน 4 พันล้านบาท

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล กล่าวอีกว่า “เรามองอนาคตปี 2566 ด้วยความมั่นใจในเชิงบวก” พร้อมเสริมว่า “ในขณะที่ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปกำลังก้าวเข้าใกล้การเป็น Technology Company มากขึ้น เราก็ยังคงส่งเสริมนวัตกรรมต่าง ๆ ให้กับทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ โดยที่ยังเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

ทั้งนี้ได้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนไปแล้วตั้งแต่ปี 2564 และมุ่งมั่นสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปีพ.ศ. 2593  (Net Zero Greenhouse Gas Emissions by 2050) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดของดับบลิวเอชเอ รวมถึงลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ และท้ายที่สุดคือสังคมไทยโดยรวม”

Back to top button