กลุ่ม “เจมาร์ท” กวาดกำไร 5 พันล้าน โบรกมองปีนี้ JMT เด่นสุดทะลุ 2 พันลบ.

กลุ่ม “เจมาร์ท” แกร่ง! โกยกำไรปี 65 กว่า 5 พันล้าน โบรกชี้ปีนี้ JMT กำไรทะลุ 2 พันล้าน แนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 64 บ. อัพไซด์ 39.89%


เข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 4/65 และงวดปี 65 ของ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (บจ.) ล่าสุดบริษัทในกลุ่มเจมาร์ท ประกอบด้วย JMART, JMT, SINGER, J และ SGC ได้รายงานผลการดำเนินงานออกครบถ้วนแล้ว ดังนี้

โดย บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART มีผลกำไรสุทธิในปี 65 อยู่ที่ 1,794.96 ล้านบาท ลดลง 27.26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 2,467.60 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทมีต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการขายและบริการเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มในปี 66 จะเติบโตเด่น ผสานกับการ Synergy ในกลุ่ม และการร่วมมือกับบริษัทอื่นจะเป็นแรงผลักดันกำไร แนะนำราคาเป้าหมาย 75 บาท

ส่วน บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT รายงานกำไรสุทธิในปี 65 อยู่ที่ 1,746 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 1,400.37 ล้านบาท เหตุจากมีรายได้รวมอยู่ที่ 4,410 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 22% ซึ่งในปี 65 ที่ผ่านมาภาพรวมธุรกิจติดตามหนี้และธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ สามารถบริหารจัดการ และการจัดเก็บที่โดดเด่น โดยมียอดจัดเก็บหนี้ (Cash Collection) ซึ่งรวมกลุ่มของ JK AMC ด้วย ทำได้ดีอยู่ที่ 6,345 ล้านบาท เติบโต 38%

โดยบล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คงประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ที่ 2.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการเข้าซื้อหนี้เสียทรงตัว 5 พันล้านบาท, รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น 52% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากมูลหนี้รับจ้างที่สูงขึ้นภายหลังการสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ และรับจ้าง JK AMC เพิ่มขึ้น และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC เพิ่มเป็น 434 ล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 64 บาท

สำหรับ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER มีผลกำไรสุทธิในปี 65 อยู่ที่ 935.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.50% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 700.59 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมากเป็นหลัก

ทั้งนี้บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คงประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ที่ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากสินเชื่อที่ขยายตัว 29% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะสินเชื่อ C4C ที่เติบโตดี 40% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการขยายฐานลูกค้า, ความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว และได้ผลบวกจากการ synergy กับ BRR รวมถึง NPL ลดลงเป็น 4.3% ตามสัดส่วนสินเชื่อ C4C ที่มี NPL ต่ำ แนะนำราคาเป้าหมาย 36 บาท

ขณะที่ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J รายงานกำไรสุทธิในปี 65 อยู่ที่ 202.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 161.44 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทฯ เปิดตัวโครงการใหม่ The JAS Green Village คู้บอน ในช่วงปลายปี 2564 ทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากพื้นที่เช่าได้เต็มปี และรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น และการปรับปรุงศูนย์การค้าและพื้นที่เช่าให้มีอัตราการเช่าที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์เศรษฐกิจ และสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่อนคลายลง

โดย นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร J ระบุว่า ในปี 66 มั่นใจ J จะวิ่งได้เร็วกว่าเดิมและคล่องตัว ด้วยโครงสร้างธุรกิจที่ชัดเจน โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในโครงการพัฒนาศูนย์การค้าชุมชน ณ สิ้นปี 65 มีจำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วย The Jas วังหิน, The Jas รามอินทรา, Jas Urban ศรีนครินทร์, Jas Village อมตะ ชลบุรี และ Jas Green Village คู้บอน และคาดการณ์ปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 2 โครงการ ที่ Jas Green Village บางบัวทอง และ Jas Green Village รามคำแหง สนับสนุนพื้นที่เช่าของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเฉียด 100,000 ตารางเมตร สร้างกระแสเงินสดเข้ามาเพิ่มขึ้น

สำหรับภาพรวมการขยายธุรกิจด้านสุขภาพ และการดูแลผู้สูงอายุ บริษัทได้เปิดโครงการบ้านพักผู้สูงอายุ ภายใต้แบรนด์ “Senera Senior Wellness” เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา มั่นใจจะเข้ามาเสริมฐานรายได้ของบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ด้าน บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC มีผลกำไรสุทธิในปี 65 อยู่ที่ 667.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.51% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 593.03 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สินเชื่อเช่าซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า สินเชื่อรถทำเงิน สินเชื่อสวัสดิการ และรายได้อื่นๆ ซึ่งประกอบด้วย รายได้ค่านายหน้า รายได้ค่าธรรมเนียม เป็นหลัก

Back to top button