SO ลุยธุรกิจ “จ้างเหมาบริการครบวงจร” มั่นใจปี 66 รายได้โต 10%

SO ลุยธุรกิจ “จ้างเหมาบริการครบวงจร” ปั้นรายได้ปี 65 นิวไฮ 2.3 พันล้าน คาดปีนี้โตอีก 10% รับเซ็นต่อสัญญางานราชการ-ดีล M&A หนุน


นางสาวกัณธิมา แจ้งวันสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 7 มีนาคม 2566 ว่า ผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทที่ประกอบธุรกิจการจ้างเหมาบริการครบวงจร (Outsourcing Services) สามารถทำรายได้รวมสูงสุดใหม่ (New High) อยู่ที่ 2,320 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยหลักเกิดจากเทรนด์ลูกค้าที่เปลี่ยนนโยบายมาใช้ outsourcing มากขึ้น

โดยเฉพาะจากโรคระบาดและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้ธุรกิจต้องปรับตัวและพยายามรักษาความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนหลายๆ บริษัทเริ่มให้ความสำคัญกับกิจกรรมหลักที่สร้างคุณค่าให้แก่องค์กรมากขึ้น และใช้กลยุทธ์ outsource ในการแบ่งเบาภาระการบริหารจัดการสนับสนุนฟังก์ชั่นต่างๆ เช่น การซ่อมบำรุง การขนส่ง และการจัดการด้านเอกสาร ซึ่งทั้งหมดล้วนจะเป็นผลดีต่อธุรกิจของเราต่อไปในอนาคตอย่างมาก

ทั้งนี้ ในส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากต้นทุนดำเนินการที่สูงขึ้น โดยเฉพาะค่าพนักงานทดแทนสำหรับพนักงาน outsource ที่ติดเชื้อโควิดระหว่างการดำเนินงานตามสัญญา และค่าซ่อมในส่วนของรถยนต์ให้เช่า โดยบริษัทมีกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 169 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.30% เทียบจากปีก่อน และมีสินทรัพย์รวม จำนวน 1,917 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.55% โดยมาจากการเพิ่มขึ้นของรายการสินทรัพย์ให้เช่า จากจํานวนรถยนต์ให้เช่าที่เพิ่มขึ้นจํานวน 318 คัน

นอกจากนี้ยังมีบริษัทบริหารจัดการกองทุน (บลจ.) มาให้บริษัทช่วยดูแลกระบวนการทำความรู้จักกับลูกค้า (KYC) และจัดการเอกสารลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้โฟกัสในส่วนงานหลัก ซึ่งก็คือบริหารกองทุนให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น และบริษัทได้ออกแบบและพัฒนากระบวนการ Customer onboarding แบบครบวงจร (turnkey solution) โดยเปลี่ยนจากการส่งมอบแรงงานเป็นการส่งมอบทั้งกระบวนการทางธุรกิจ จัดหาเทคโนโลยีที่เหมาะสม รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการ (Process Optimization) เพื่อลดความสูญเสียในกิจกรรมที่ไม่จำเป็น เช่น ระยะเวลารอคอย การดำเนินการด้านเอกสารที่้ซ้ำซ้อน การจัดเก็บที่ไม่เป็นระบบ

ด้านนายณัฐนนท์ กฤษณรุ่งเรือง ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน SO เปิดเผยว่า ปี 2566 ตั้งเป้ารายได้เติบโตประมาณ 10% คาดจะเซ็นต่อสัญญารับงานราชการ รวมถึงมีแผนควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) โดยมองเป้าไปที่กลุ่มบริษัทที่จัดหาบุคลากรด้าน IT, Software house เพิ่มเข้ามา ขณะนี้ได้มีการเจรจากับบริษัทที่ทำเรื่องของ Payroll เน้นที่พนักงานรายวันเข้าทำงานเป็นกะ ระยะยาวตั้งเป้าปรับบริษัทให้เข้าสู่ดิจิทัลมากขึ้น เน้นด้านเทคโนโลยี USER  ต่อยอดธุรกิจเดิมจะมีการพัฒนาระบบเอง และ M&A บริษัทที่น่าสนใจ กลยุทธ์ก็คือจะเข้าไป M&A บริษัทด้านเทคโนโลยี และพัฒนาระบบ โปรแกรมต่าง ๆ ที่มีแผนจะขายโปรแกรมด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา คาดว่าจะมีออกมาประมาณไตรมาส 2/2566 ซึ่งน่าจะมีส่วนช่วยในการผลักดันการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

โดยปัจจุบันได้เริ่มโครงการกับบริษัท outsource และบริษัท IT Implementor บางรายแล้ว ซึ่งหากพิจารณาแล้วมีศักยภาพ บริษัทพร้อมลงทุนและร่วมพัฒนาธุรกิจเพื่อเติบโตไปด้วยกัน โดยในปีที่แล้วเราได้มีการร่วมมือกับบริษัทสตาร์ทอัพที่เชี่ยวชาญ AI การวางแผนการดำเนินงานขนส่ง (Route Optimization) ที่จะช่วยจัดการเส้นทางการเดินรถ และอยู่ระหว่างพูดคุยกับ Technology Partner อื่นๆ โดยเฉพาะผู้ให้บริการ HRM Platform ผู้ให้บริการการรู้จำอักขระด้วยแสง หรือ OCR และผู้ให้บริการระบบการจ่ายค่าแรงรายวัน

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนในการปรับเปลี่ยนรถยนต์น้ำมันปัจจุบันให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งจะทดลองในปี 2566 ประมาณ 10 คัน และตั้งเป้าจะเปลี่ยนให้ครบทุกคันภายใน 3 ปี นอกจากนี้บริษัทยังมองหาโอกาสการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยมีแผนที่จะขยายธุรกิจบริการบริหารจัดการบุคลากรในเวียดนาม และสิงคโปร์ด้วย

Back to top button