เปิดโผ 20 หุ้นกลุ่ม “อาหาร” โกยกำไรทะลัก ชู M โตเฉียด 10 เท่าตัว

เปิดโผ 20 หุ้นกลุ่ม “อุตสาหกรรมอาหาร” โกยกำไรทะลัก เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ชู M กำไรสุทธิ 1,438.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 998.51% จากปีก่อน 130.98 ล้านบาท ฟากโบรกชี้กำไรปีนี้แตะ 2.4 พันล้านบาท เติบโต 69% แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 66 บาท


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมหมวด “อาหาร” ว่ามีกำไรสุทธิงวดประจำปี 2565 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ พบว่ามี 20 บริษัท ได้แก่ M, TFG, BTG, BRR, F&D, CHOTI, TKN, SFP, KSL, NSL, CH, PRG, SNP, NRF, SNNP, RBF, CPI, CPF, SAUCE และ PB เป็นต้น

สำหรับผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่งส่วนใหญ่มีการฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลให้ประชาชนเกิดการบริโภคมากขึ้น จึงทำให้ยอดขายเติบโตก้าวกระโดด ผลักดันให้กำไรสุทธิเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างตัวอย่างเช่น บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M รายงานผลการดำเนินงานในปี 2565 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,438.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 998.51% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 130.98 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้ขายและบริการอยู่ที่ 15,728 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้ 11,182 ล้านบาท จากสถานการณ์โควิด-19 ปรับตัวดีขึ้น ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ รวมถึงนักท่องเที่ยวก็ได้เริ่มทยอยเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลให้รายได้สามารถฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มีการประเมินต่อหุ้น M คาดยอดขายในสาขาเดิม (SSSG) ในปี 2566 ไว้ที่ 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งได้แรงหนุนจากราคาอาหารปรับขึ้น 4% และการฟื้นตัวในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงการกลับมาเปิดพรมแดนของจีนน่าจะเป็นปัจจัยบวก

สำหรับ LCS คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2566 จะเพิ่มเป็น 66.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรขั้นต้น 65.3%  แต่ยังต่ำกว่าระดับก่อนโควิดจากต้นทุนค่าสาธารณูปโภคและเงินเดือนที่สูงขึ้น โดยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ไว้ที่ 2.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 69% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 66 บาท

บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG รายงานผลการดำเนินงานในปี 2565 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,721.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 740.66% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 561.70 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 52,697.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.43% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 35,503.38 ล้านบาท ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้ของธุรกิจไก่ ธุรกิจสุกรและธุรกิจค้าปลีก ซึ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายสินค้าในร้านค้าปลีก

ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2566 เติบโต 15% เดินหน้าทำการตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ พร้อมบุกธุรกิจร้านค้าปลีก “ร้านไทย ฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต” ขยายสาขาเพิ่มเป็น 400 สาขาภายในปีนี้ รองรับดีมานด์ลูกค้า ดันมาร์จิ้นเพิ่ม

ส่วนด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มีการประเมินต่อหุ้น TFG ว่าธุรกิจร้านค้าปลีกเป็นบวกต่อเนื่องโดยจากบริษัทฯตั้งเป้าเปิดร้านใหม่ 150-200 สาขาในปี 2566 โดยในภาพรวมจึงคาดแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2566 ยังคงสูงกว่าระดับก่อนโควิดอยู่มาก

 บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG รายงานผลการดำเนินงานในปี 2565 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7,937.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 685.51% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,010.52 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้รวมอยู่ที่ 113,876.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 86,743.7 ล้าน บาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการของทุกกลุ่มธุรกิจ

 บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR รายงานผลการดำเนินงานในปี 2565 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 767.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 493.32% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 129.31 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้ขายและบริการ 7,352.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.08% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณอ้อยเข้าหีบในฤดูการผลิต 2564/2565 ที่เพิ่มขึ้น 35% ส่งผลให้ปริมาณวัตถุดิบสำหรับธุรกิจน้ำตาล และธุรกิจเกี่ยวเนื่องเพิ่มขึ้น

ด้านธุรกิจน้ำตาลในปีนี้ยังคงสดใส เนื่องจากราคาน้ำตาลในตลาดโลกยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 จากประมาณการผลผลิตทั่วโลกปีนี้ไม่เกินดุลอย่างที่คาดการณ์ไว้ จึงเป็นเหตุให้ราคาตลาดโลกยังคงปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 20-22 เซนต์/ปอนด์ สำหรับศักยภาพการเติบโตของกลุ่มธุรกิจ BRR บริษัทวางเป้าหมายรายได้เติบโต 8,000 กว่าล้านบาท ในอีก 3 ปี จากแผนขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์ชานอ้อย 7,000 ตันต่อปี

บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN รายงานผลการดำเนินงานใน 2565 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 434.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138.71% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 182.13 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้ขาย 4,366.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้ 3,610.9 ล้านบาท

สำหรับในปี 2566 บริษัทวางเป้าที่จะสร้างการเติบโตยอดขายอยู่ที่ระดับ 5 พันล้านบาท เติบโต 15% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และพัฒนาขีดความสามารถในการทำกำไรสุทธิให้เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน โดยบริษัทวางกลยุทธ์และเป้าหมายที่ต้องดำเนินงานอยู่ 4 แผน ได้แก่ 1) ยอดขายเติบโตในประเทศและต่างประเทศด้วยนวัตกรรมสินค้าใหม่ การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 2) บริหารจัดการต้นทุนรวมถึงการบริหารค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ 3) พัฒนาการทำกำไรในแต่ละช่องทาง และ 4) เพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรของสินค้าใหม่

ส่วนรายละเอียดตัวเลขของผลประกอบการบริษัทอื่นดูจากตารางประกอบ ดังนี้

Back to top button