โบรกมองปี 66 กลุ่ม “รพ.” กำไรแกร่ง รับผู้ป่วยต่างชาติ-ประกันสังคมพุ่ง ชู BDMS ท็อปพิก

BH-BDMS ลุ้นกำไรปี 66 โตแกร่ง เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน รับอานิสงส์ผู้ป่วยต่างชาติทะลัก และผู้ป่วยประกันสังคมปรับเพิ่มขึ้น ชู BDMS ท็อปพิก ประเมินราคาเป้าหมายที่ 36.50 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล คือ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH และ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เนื่องจากสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติหลังจากได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ จึงคาดว่าจำนวนผู้ป่วยต่างชาติจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานปี 2566 เติบโตแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ในส่วนของผลประกอบการไตรมาส 4/2565 ของหุ้นโรงพยาบาล มีกำไรสุทธิรวม 5.6 พันล้านบาท ซึ่งสูงกว่าประมาณการของทางฝ่ายวิจัยอยู่ที่ 13% เนื่องจากรายได้และ EBIT margin สูงกว่าคาด โดยหุ้นทั้ง 2 บริษัท คือ BH และ BDMS ยังคงเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มในไตรมาส 4/2565 ทำให้มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยหลังจากที่ผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในครึ่งหลังของปี 2565 ออกมาน่าพอใจ เราพบว่านักวิเคราะห์ในตลาดปรับเพิ่มประมาณการกำไรของกลุ่มโรงพยาบาลขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย บลูมเบิร์ก คอนเซนซัส มีการปรับประมาณการกำไรของกลุ่มโรงพยาบาลในปี 2566 ขึ้นมาแล้ว 4% นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน

ขณะที่พบว่าผลประกอบการของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ คือ BDMS และ BH ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง สอดคล้องกับที่คาดเอาไว้ว่าโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติสูงจะเป็นกลุ่มหลักที่ได้อานิสงส์จากการกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติ

โดยกำไรสุทธิไตรมาส 4/2565 ของ BDMS เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 18.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิในไตรมาส 4/2565 ของ BH อยู่ที่ 152.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน หลังจากที่จำนวนผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้นจากการกลับมาเปิดประเทศ

ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นถึง 7,848% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนในไตรมาส 3/2565 และไตรมาส 4/2565 เพิ่มขึ้น 1,498% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

สำหรับโรงพยาบาลขนาดเล็ก ทางฝ่ายวิจัยคาดว่าผลการดำเนินงานโดยส่วนใหญ่จะยังคงไม่ตื่นเต้นในครึ่งแรกของปี 2566 จากฐานกำไรที่สูงในครึ่งแรกของปี 2565 จากการระบาดระลอกสุดท้ายของโควิด-19 ในประเทศไทยซึ่งเกิดจากสายพันธุ์โอไมครอน

รวมถึงโรงพยาบาลขนาดเล็กได้อานิสงส์จากการระบาดของโควิด-19 ในครึ่งแรกของปี 2565 โดยรายได้ที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 คิดเป็นสัดส่วนถึง 40-60% ของรายได้รวม ดังนั้น จึงคาดว่าผลประกอบการจะชะลอตัวลง เนื่องจากรายได้จากโควิด-19 ลดลงอย่างมาก

ทั้งนี้ โรงพยาบาลขนาดเล็กเหล่านี้จะเน้นไปที่ 1) การรักษาผู้ป่วยที่ไม่เกี่ยวกับโควิด 2) การดูแลผู้ป่วยที่มี intensity สูง และ 3) การให้บริการที่หลากหลายเพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่ใหญ่ขึ้นหลังสถานการณ์โรคระบาด มองเห็นสัญญาณบวกในหลายบริษัท เนื่องจากรายได้จากบริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิดสูงกว่าระดับก่อนโควิดระบาดในปี 2562

นอกจากนี้ คาดว่าสำนักงานประกันสังคม (SSO) จะพิจารณาปรับเพิ่มค่ารักษาพยาบาลขึ้นจากอีก 10% ตั้งแต่ปี 2566 ไป โดยการปรับครั้งสุดท้ายไปเมื่อปี 2560 ประมาณการรายได้และกำไรของโรงพยาบาลที่ให้บริการผู้ป่วยประกันสังคมมี upside อีก 3-4% ต่อปี และ 2563 ประเมินมี upside อีก 4-5% ต่อปี

โดยยังคงมองบวกกับโอกาสที่กลุ่มโรงพยาบาลจะได้อานิสงส์จาก 1) จำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้น 2) แพลตฟอร์มโรงพยาบาลที่แข็งแกร่งสำหรับผู้ป่วยชาวไทย ซึ่งมีทั้งผู้ป่วยที่ชำระเงินสด และผู้ป่วยประกันสังคม ยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่ Overweight โดยเลือก BDMS เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2566 ที่ 36.50 บาท

Back to top button