เปิด 16 หุ้น รับ “สงกรานต์” ชู MINT-AOT เด่น

สแกน 16 หุ้น รับปัจจัยบวก “เทศกาลสงกรานต์” หนุนนักท่องเที่ยวคึกคัก ชู MINT-AOT เด่น


ใกล้เข้าสู่ช่วง “เทศกาลสงกรานต์” แล้ว ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ทำเม็ดเงินสะพัดกว่าหมื่นล้าน อยู่ระหว่างวันที่ 13 เม.ย.-15 เม.ย.66 โดยปีที่ผ่านๆมาก่อนหน้านี้เกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ภาครัฐมีการขอความร่วมมือในการงดจัดงานเพื่อลดเสี่ยงสัมผัส หรือติดเชื้อเพิ่มเติม

สำหรับปีนี้อาจจะเป็นปีพลิกฟื้นของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เป็นปัจจัยเชิงลบคลี่คลายลงโดยเฉพาะโควิด-19 ที่ถูกจัดอยู่ในหมวดโรคประจำถิ่นแล้ว อีกทั้งกิจกรรมสันทนาการต่างๆ งานรื่นเริง ที่เคยงดจัดก็กลับมาจัดงานเป็นปกติ

โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์แนวโน้มการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ว่า จะคึกคักมากกว่าปี 62 เนื่องจากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมคาดการณ์ว่า การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ จะสนับสนุนให้เกิดการเดินทางในประเทศทั้งเดือนเม.ย.ปีนี้อยู่ที่ 17-20 ล้านคน/ครั้ง ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนในเดือนดังกล่าว มีโครงการจากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5

ขณะที่ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ของไทยจะเป็นการฟื้นตัวครั้งสำคัญของการท่องเที่ยวขาเข้า (Inbound Tourism) จากรายงานการค้นหาที่พักของ Airbnb พบนักเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์เพิ่มขึ้นกว่า 310% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเมืองในประเทศไทย กรุงเทพฯ ยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่มีการค้นหามากสุดตามด้วยพัทยา เชียงใหม่ กระบี่ และภูเก็ต โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้

ทั้งนี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการสำรวจหุ้นที่มีแนวโน้มจะได้รับอานิสงส์จากเทศกาลสงกรานต์ พบว่ามี 16 หลักทรัพย์ ได้แก่ BJC, CRC, CPALL, AWC, CENTEL, ERW ,MINT, AOT, ICHI, TACC, CPN, M, MAJOR, OR, PTG, ACG

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำ “ซื้อ” AOT ราคาเป้าหมาย 84 บาท โดยไตรมาส 1/66 มีนักท่องเที่ยวเดินต่างชาติเดินทางเข้าไทย 6 ล้านคน และเดือนเม.ย.คาดจะมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยอีก 1-2 ล้านคน เฉพาะจีน 2.5 แสนคน เนื่องจากมีเทศกาลสงกรานต์เป็นแรงกระตุ้น สำหรับแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรค่อนข้างสดใส และบริษัทมีโครงการขยายธุรกิจสร้างการเติบโตในอนาคต เช่น ขยายอาคารผู้โดยสาร เป็นต้น

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำ “ซื้อ” ERW ราคาเป้าหมาย 6 บาท เนื่องจากเป็น Pure hotel ซึ่ง ERW จะได้รับผลประโยชน์สูงที่สุด เพราะมีสัดส่วนโรงแรมในประเทศไทยสูงที่สุดในกลุ่มที่ 88% และมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนสูงที่สุดในกลุ่มราว 15%

บล.พาย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำ “ซื้อ” MINT ราคาเป้าหมาย 40 บาท คาดแนวโน้มกำไรในไตรมาส 1/66 จะยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง จากกิจกรรมท่องเที่ยวในยุโรปไม่ได้แย่อย่างที่คาดไว้ และ downside ที่จำกัดจากราคาพลังงานที่เริ่มเป็นขาลง ประกอบกับนักท่องเที่ยวในไทยยังเข้ามาในระดับที่ใกล้ 70% ของก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19

Back to top button