จับตา CK-BEM วิ่งคึก! รับ “รถไฟฟ้า-ทางด่วน” ขาขึ้น ดันกำไรนิวไฮ

ลุ้นราคาหุ้น CK-BEM วิ่งคึก จับตารายได้และกำไรนิวไฮ Consensus เชียร์ “ซื้อ” CK เป้า 28.40 บาท อัพไซด์ 39% ส่วน BEM เป้า 10.80 บาท อัพไซด์ 21%


นายพงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และกรรมการบริหาร บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM มั่นใจว่าทุกบริษัทในกลุ่ม CK มีผลการดำเนินงานดีทั้งกลุ่ม และปี 2566 จะเป็นปีที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ CK และ BEM รายได้และกำไรของ BEM จะทำ New High รวมถึง Backlog ของ CK จะทำสถิติสูงสุดในรอบ 50 ปี

สำหรับภาพรวมปี 2566 ถือเป็นปีที่ CK จะกลับมาเป็นปกติ จากงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมีการควบคุมต้นทุนที่ดี ทำให้มีกำไรดีขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ และบริษัทในกลุ่ม ช.การช่าง ได้แก่ BEM, บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW, บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP จะมีรายได้เพิ่มขึ้น ประกอบกับต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ ส่งผลให้ทุกบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น และมีปันผลที่ดี

โดยปัจจุบัน CK ถือหุ้น BEM รวมทั้งสิ้นกว่า 35% เพราะมั่นใจในศักยภาพของ BEM และยังมีโอกาสในการเข้ารับงานจากโครงการทางด่วนและรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายต่าง ๆ ในอนาคต และงานประมูลโครงการอื่น ๆ อาทิ โครงการท่าอากาศยาน หรือ Airport โครงการรถไฟทางคู่ หรือ Double Track โครงการมอเตอร์เวย์ ซึ่ง CK และ BEM มีประสบการณ์ มีความพร้อมและศักยภาพอย่างมากในการเข้าไปดำเนินงานให้กับภาครัฐ

ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2566 ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าจะมากกว่า 420,000 เที่ยวต่อวัน ซึ่งสูงกว่าเมื่อเทียบกับก่อนเกิดโควิด เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเปิดเดินรถครบลูป และปริมาณผู้ใช้ทางด่วนจะกลับมา 100% ส่งผลให้กำไรในปี 2566 เพิ่มขึ้นกว่าปี 2565 อย่างแน่นอน

โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา BEM มีรายได้ 14,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3,304 ล้านบาท หรือ 30.8% กำไรสุทธิ 2,436 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,426 ล้านบาท หรือร้อยละ 141.2 ซึ่งเป็นผลจากการที่ปริมาณจราจรและปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้ากลับมาสู่ภาวะปกติและดีกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด โดยมีปริมาณผู้ใช้ทางด่วน 1.04 ล้านเที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 22.4% และปริมาณผู้โดยสารสายสีน้ำเงิน 270,000 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 84.5% และปัจจุบันปริมาณผู้โดยสารอยู่ที่ 400,000 เที่ยวต่อวัน

ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่ BEM เป็นผู้ชนะการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน ขณะนี้อยู่ระหว่างที่กระทรวงคมนาคมเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเพื่อลงนามในสัญญา เชื่อมั่นว่ารัฐต้องเร่งรัด เพราะโครงการมีความสำคัญต่อระบบขนส่งมวลชนและโครงการล่าช้ามากว่า 3 ปีแล้ว ทำให้มีค่าใช้จ่ายและต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หาก BEM ลงนามในสัญญา ก็มีความพร้อมที่จะดำเนินการได้ทันที ทั้งในเรื่องของเงินลงทุน และผู้รับเหมาได้แก่ CK ที่มีศักยภาพและประสบการณ์ในการก่อสร้าง Project ขนาดใหญ่ ซึ่ง BEM มั่นใจว่าสามารถเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันออกได้ภายใน 3 ปีครึ่ง ก่อนกำหนดในสัญญาแน่นอน และฝั่งตะวันตกจะเปิดได้ภายใน 6 ปี หลังลงนามสัญญา

นายพงษ์สฤษดิ์ เปิดเผยว่า งานโครงการที่สำคัญและอยู่ระหว่างการเจรจากับภาครัฐ ได้แก่ โครงการ Double Deck อยู่ระหว่างเจรจาในเบื้องต้นกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ควบคู่ไปกับการรอผลการจัดทำ EIA ของกทพ. คาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีความชัดเจน โดยขั้นตอนต่อไปจะมีการแก้ไขสัญญาตามพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งจำเป็นต้องเร่งก่อสร้างเพื่อแก้ปัญหารถติด นอกจากนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กำลังเร่งรัดดำเนินโครงการ โดย BEM พร้อมเจรจาทันทีที่รฟม.ได้ทำการศึกษาตามขั้นตอนของพ.ร.บ.การร่วมลงทุนฯ แล้วเสร็จ ส่วนโครงการอื่น ๆ ของภาครัฐ BEM ก็มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลทุกรูปแบบอย่างเต็มที่

สำหรับในส่วนของ CK นายพงษ์สฤษดิ์ เปิดเผยว่า 1-2 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ผลประกอบการปี 2564 มีรายได้ก่อสร้าง 12,198 ล้านบาท ขณะที่ปี 2565 มีรายได้ก่อสร้าง 18,097 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.35 กำไรสุทธิ 1,120 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 187 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.07 มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 7.66% ณ ปัจจุบัน Backlog มูลค่ารวม 55,867 ล้านบาท จากโครงการ Purple Line ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ และโครงการ Double Track ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และปี 2566 มีโครงการสำคัญที่มีความชัดเจนอยู่ 2 โครงการ คือ โครงการ Luang Prabang Hydropower ซึ่งจะลงนามสัญญาภายในปีนี้ มูลค่า 98,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างโครงการ 7 ปี ปัจจุบันบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP ได้เจรจาข้อตกลงการซื้อขายไฟฟ้าเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนการลงนามสัญญาเงินกู้กับผู้ให้กู้ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จภายในเดือนเมษายน 2566 ส่วนงานก่อสร้างก็สามารถเริ่มได้ภายในปีนี้ ส่งผลให้ Backlog ไตรมาสแรกปี 2566 ทะลุกว่า 150,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ คาดว่า BEM จะลงนามได้ในไตรมาสที่ 3 ทำให้มี Backlog เพิ่มขึ้น 109,216 ล้านบาท จึงทำให้ภายในไตรมาส 3 บริษัท ช.การช่าง จะมี Backlog กลับมาที่ 250,000 ล้านบาท ถือเป็นการทำสถิติใหม่ (New High) ในรอบ 50 ปี ทำให้คาดว่าในอีก 7-8 ปี CK จะมีรายได้ปีละ 25,000-30,000 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 7-8% ได้อย่างมั่นคง

สำหรับ Consensus จากโบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมาย CK ที่ 28.40 บาท อัพไซด์ 39% คาดกำไรสุทธิปีนี้ 1.75 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ BEM ราคาเป้าหมาย CK ที่ 10.80 บาท อัพไซด์ 21% คาดกำไรสุทธิปีนี้ 3.96 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.77% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

Back to top button