PRI ควัก 220 ล้าน เทกโอเวอร์ “โปรเจคส์เอเชีย” ปรึกษางานก่อสร้าง

PRI ควัก 220 ล้านบาท เทกโอเวอร์ “โปรเจคส์เอเชีย” ลุยธุรกิจที่ปรึกษาควบคุมโครงการก่อสร้าง และสิ่งปลูกสร้างทุกชนิด พร้อมเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ขยายฐานลูกค้าสู่การคุมงานโรงแรม ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อาคารสำนักงานเกรด A พร้อมรับรู้รายได้ทันทีจากธุรกิจในมือ ดันธุรกิจโตแบบก้าวกระโดดและยั่งยืน


บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ หรือ PRI เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 4/2566 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2566 มีมติอนุมัติให้บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด (UPM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 99.99 เข้าลงทุนโดยการซื้อหุ้นสามัญในบริษัทโปรเจคส์เอเชีย จำกัด (Projects Asia) จำนวน 5,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par value) หุ้นละ 2,000 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนของ Projects Asia รวมมูลค่าทั้งสิ้น 220 ล้านบาท

โดยผ่านกระบวนการการรับโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer) ในวันที่ 22 มิถุนายน 2566 โดยมีคู่สัญญาจำนวน 2 ราย ได้แก่ (1) บริษัท เคมบริดจ์ ทิวดอร์ จำกัด (Cambridge) ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นจำนวนร้อยละ 75 ใน Projects Asia และ (2) บริษัท ฤาสาย คอนซัลแท้นท์ จำกัด (Ruesai) ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นจำนวนร้อยละ 25 ใน Projects Asia โดย Cambridge และ Ruesai เป็นบริษัทจำกัดที่จดทะเบียนตามกฎหมายไทย

ทั้งนี้ Projects Asia ประกอบธุรกิจที่ปรึกษาควบคุมโครงการก่อสร้างและสิ่งปลูกสร้างทุกชนิด ให้คำปรึกษาด้านวิศวกรรมด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง งานควบคุมการออกแบบ งานควบคุมคุณภาพ รวมถึงงานบริหารต้นทุนโครงการ

ด้านนางสาวจตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PRI ผู้นำธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด “Super Living Service” ทั้งกลุ่มต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัทได้ดำเนินการให้ บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด หรือ UPM บริษัทในเครือ ซึ่งให้บริการบริหารงานก่อสร้างโครงการ เข้าซื้อกิจการ บริษัท โปรเจคส์เอเชีย จำกัด ธุรกิจที่ปรึกษาทางวิศวกรรม รวมถึงงานบริหารและควบคุมงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเคยมีผลงานดูแลงานขนาดใหญ่ระดับประเทศทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า อาทิ 185 ราชดำริ, โรงแรมดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ, โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล ลาดพร้าว, อาคารปาร์ค เวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์, อาคาร FYI Center, ไอคอนสยาม

“โปรเจคส์เอเชีย จะเข้ามาช่วยเติมฐานธุรกิจในกลุ่มต้นน้ำของเครือ PRI ใน 2 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านการขยายฐานลูกค้า ช่วยให้ UPM เข้าถึงฐานลูกค้ารายใหญ่ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เช่น โรงแรม อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้าได้มากขึ้น จากเดิมที่บริษัทมีฐานอยู่ในฝั่งที่อยู่อาศัยเป็นหลัก และ 2.ด้านองค์ความรู้และบุคลากร ช่วยให้บริษัทได้รับองค์ความรู้ ตลอดจนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เข้ามาร่วมงานเพิ่มเติมทันที” นางสาวจตุพร กล่าว

ผศ.ดร.อรุณ ศิริจานุสรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ UPM ผู้ให้บริการบริหารงานก่อสร้างโครงการ ในเครือ PRI กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจต้นน้ำ – บริการก่อนเข้าอยู่อาศัย (Pre-Living Services) ที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในปี 2565 เมื่อเทียบกับกลุ่มธุรกิจอื่นของ PRI โดยมีอัตราการเติบโตถึง 3 เท่าจากปี 2564 ทำให้บริษัทมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อให้สามารถเสริมแกร่งการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

“การเข้าถือหุ้นครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขยายธุรกิจด้านที่ปรึกษาทางวิศวกรรม รวมถึงบริหารและควบคุมงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ รองรับลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของโปรเจคส์เอเชีย จะทำให้เราสามารถรับรู้รายได้จากการให้บริการได้ทันที ช่วยผลักดันให้บริษัทก้าวสู่การเป็น Super Living Service ที่สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน” ผศ. ดร.อรุณ  กล่าว

ด้าน นายไบรอัน จอห์น ซิมมอนด์ (Mr.Brian John Simmonds) กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริษัท โปรเจคส์เอเชีย จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีความยินดีและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับการได้ร่วมธุรกิจกันในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยที่นำความแข็งแกร่งด้านงานที่ปรึกษาทางวิศวกรรม รวมถึงงานบริหารและควบคุมงานก่อสร้างโครงการของบริษัท มาผนวกรวมกับความโดดเด่นด้านงานบริการออกแบบสถาปัตยกรรม ของ UPM เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต เพราะธุรกิจกลุ่มต้นน้ำเป็นกลุ่มธุรกิจที่ต้องการผู้ที่มีประสบการณ์และความชำนาญอย่างแท้จริง

“จากประสบการณ์อันยาวนานกว่า 33 ปีของโปรเจคส์เอเชีย ในธุรกิจที่ปรึกษา รวมถึงบริหารและควบคุมงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ระดับประเทศมากมาย จึงเชื่อมั่นได้ว่าบริษัทจะสามารถเป็นอีกหนึ่งพลังขับเคลื่อนให้ UPM และ PRI เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน” นายไบรอัน กล่าว

สำหรับ PRI เป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรชั้นนำของประเทศ มีประสบการณ์กว่า 11 ปี ปัจจุบัน ดำเนินธุรกิจภายใต้ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจต้นน้ำ  บริการก่อนเข้าอยู่อาศัย (Pre-Living Services) อาทิ บริการที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง บริการออกแบบด้านสถาปัตยกรรม งานโครงสร้าง งานโยธา และงานระบบ บริการจัดฝึกอบรมและพัฒนาทักษะบุคลากร 2.กลุ่มกลางน้ำ – บริการการจัดการเพื่อการอยู่อาศัย (Living Services) อาทิ บริการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด บ้านจัดสรร ห้างสรรพสินค้า อาคาร และสำนักงาน บริการอพาร์ตเมนท์แบบพรีเมียม บริการซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และ 3.กลุ่มปลายน้ำ – บริการหลังการขายที่อยู่อาศัย (Living & Earning Services) อาทิ บริการแม่บ้านและช่าง บริการออกแบบและตกแต่งภายใน

Back to top button