“เครดิต สวิส” ชี้ BGRIM มาร์จิ้นพ้นจุดต่ำสุด ยัน GULF ไร้กระทบนโยบาย “ก้าวไกล”

“เครดิต สวิส” เผยราคาหุ้น BGRIM-GULF ลดลงช่วงเดือนที่ผ่านมาตามภาวะตลาด จากความดอกเบี้ย และประเด็นการเมืองไทย ชี้ BGRIM พ้นจุดต่ำสุดของมาร์จิ้นต่ำ และอยู่ในช่วงฟื้นตัว ส่วน GULF คาดไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของรัฐบาลใหม่


บริษัทหลักทรัพย์ เครดิต สวิส จำกัด ระบุว่า ราคาหุ้นของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ปรับตัวลดลง 12.2% และ 13% ตามลำดับในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา จากภาวะตลาดที่กลับมากังวลในเรื่องของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ “เฟด” รวมถึงความเสี่ยงทางการเมืองจากรัฐบาลไทยชุดใหม่

ทั้งนี้ มองว่าจะมีการพิจารณาปรับลดค่า Ft สำหรับเดือน ก.ย.-ธ.ค. ในเดือน ก.ค.นี้ ควบคู่ไปกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยคาดว่า Ft จะปรับลดลงเพื่อสะท้อนถึงราคาต้นทุนก๊าซที่อ่อนตัวเท่านั้น ไม่ได้มาจากการเปลี่ยนแปลงจากนโยบาย จึงจะส่งผลให้ผู้ดำเนินการ SPP อย่าง BGRIM อาจต้องเผชิญกับมาร์จิ้นที่ตึงตัวในระยะสั้นในช่วงไตรมาส 4/66 เนื่องจากราคา spot LNG อาจปรับตัวสูงขึ้นตามฤดูกาลได้

อีกทั้งมองว่าในไตรมาส 4 พรรคก้าวไกลอาจมีการผลักดันให้เปลี่ยนนโยบายเป็นราคาเดียวตามที่เคยหาเสียงไว้

อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากราคา spot LNG ที่อยู่ในระดับต่ำ อาจทำให้ไม่สามารถลดค่าไฟได้ถึง 0.7 บาท/kWh ตามที่เคยหาเสียงไว้ โดยคาดว่าจะสามารถลดได้ราว 0.16 บาท

ขณะที่ในปี 67 คาดว่าภาคเอกชนจะเริ่มนำเข้า LNG เอง โดยเป็นจังหวะที่ดีที่จะทำสัญญาซื้อระยะยาวเนื่องจากราคาก๊าซที่เริ่มปรับตัวลงสู่ระดับปกติแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามดูการ pass through ของต้นทุน LNG ไปยังผู้ใช้งาน

ทั้งนี้ แม้ว่าเงินกู้ส่วนใหญ่ของบริษัทสาธารณูปโภคในไทยจะเป็นแบบคงที่ และจะได้รับผลกระทบจำกัดจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่มองว่าโอกาสการเติบโตจะจำกัดจากต้นทุนของเงินทุนสำหรับโครงการใหม่ที่สูงขึ้น และผลตอบแทนจากโครงการในอนาคตที่ลดลง

โดยเครดิตสวิสเชื่อว่า BGRIM พ้นจุดต่ำสุดของภาวะมาร์จิ้นที่ต่ำไปแล้ว และอยู่ในช่วงการฟื้นตัวระยะกลาง นอกจากนั้นยังเชื่อในความสามารถของ BGRIM ในการเริ่มโครงการใหม่ ๆ รวมถึงค่าไฟจากโครงการในอนาคตจะสูงขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามเครดิตสวิสมีความกังวลด้านต้นทุนที่อาจเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าคู่แข่ง และจะหักล้างกับความได้เปรียบ และความสามารถของบริษัทในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ส่วนการปรับโครงสร้างสินทรัพย์คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 67

ส่วนของ GULF เชื่อว่าจะยังเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 68 กำไรของ GULF คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของรัฐบาลใหม่แม้ว่าจะยังเป็นกระแสวิพากย์วิจารณ์อยู่ก็ตาม ทั้งนี้ GULF มีต้นทุนที่ต่ำกว่าคู่แข่ง

อย่างไรก็ดี เครดิตสวิส คาดว่าจะเห็นการเติบโตเฉลี่ยปี 66-68 ของกำลังการผลิตสำหรับ GULF และ BGRIM อยู่ที่ 19% และ 6% ตามลำดับ ส่วน Consensus EPS เฉลี่ยปีต่อปี 66-68 จะอยู่ที่ 23% และ 24% ตามลำดับ

Back to top button