3 หุ้นเทคฯ รับกระแส AI โบรกชู BE8 ท็อปพิก เป้าสูง 91 บาท

บล.กรุงศรี พัฒนสิน มอง AI เร่งพัฒนาต่อยอดภาคอุตสาหกรรมของโลก เชื่อว่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจระยะกลาง-ยาว ได้แก่ HANA-BE8-BDMS ชู BE8 ท็อปพิก มีราคาเป้าหมายสูง 91 บาท ในฐานะตัวแทนจำหน่ายแอปพลิเคชั่น Salesforce ที่พร้อมต่อยอด AI บนความเป็นผู้นำโปรแกรมบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า


บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินเกี่ยวกับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว และประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ต่อยอดสู่การพัฒนาเทคโนโลยี และแอฟพลิเคชั่นใหม่ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการดำรงชีวิตมนุษย์สะดวกมากขึ้น ล่าสุดโลกดิจิตอลที่กำลังเดินหน้าสู่โลกจุดเปลี่ยนของ “ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence)” ที่กำลังเร่งพัฒนามาใช้ต่อยอดกับภาคอุตสาหกรรมของโลกที่หลากหลายขึ้นในปัจจุบัน อาทิ เกษตร, การผลิต, รถยนต์ การแพทย์, สื่อโฆษณา นำมาสู่การศึกษาห่วงโซ่มูลค่า (Ecosystem) ของกระแสดังกล่าวอย่างรอบด้าน ตั้งแต่ระดับต้นน้ำ, กลางน้ำ และปลายน้ำ และหุ้นที่อยู่ในวงจรดังกล่าว แม้พบว่าส่วนใหญ่แล้ว กลุ่มที่มีโอกาสได้ประโยชน์จะยังไม่มีนัยฯ ในปัจจุบัน แต่เชื่อว่ากลุ่มที่เริ่มมีฐานธุรกิจดังกล่าว โดยเชื่อว่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจระยะกลางยาว

หลังจากเทคโนโลยีเชื่อมต่อโลกมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะอยู่ในฝั่งโครงข่ายภาคพื้นดิน คือ การเชื่อมต่อผ่านระบบไร้สาย (มือถือ) หรือ อินเตอร์เน็ตบ้าน รวมถึงโครงข่ายที่เชื่อมต่อดาวเทียม จุดร่วมสำคัญ คือ

1) การพัฒนาความเร็วที่เพิ่มสูงขึ้นระดับ Gbps ช่วยให้สามารถประมวลผลข้อมูลต่างๆ ที่เข้ามาและแสดงผลได้อย่างรวดเร็ว กรณีมือถือ คือ การพัฒนาจากระบบจนมาถึงยุค 5G ในปัจจุบัน ส่วนอินเตอร์เน็ตบ้าน คือ การพัฒนาสู่การเชื่อมต่อแบบไฟเบอร์ ออฟติค ส่วนดาวเทียม คือ การพัฒนาสู่เทคโนโลยีดาวเทียมวงโคจรต่ำ

2) การยกระดับความสามารถเชื่อมต่อจำนวนอุปกรณ์จำนวนมากๆ ได้ และอุปกรณ์ถูกพัฒนาไปให้สามารถเก็บข้อมูลในระบบต่างๆ ได้ เช่น ระบบ Internet of Things ต่างๆ ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้นผ่านการสร้างศูนย์ข้อมูล หรือ Data Center และระบบ Cloud ทั่วโลก

3) ความหน่วง (ระดับความเร็วในการตอบสนอง) ปัจจุบันลดต่ำลงเรื่อยๆ จนเริ่มที่เห็นภาพการควบคุมระบบต่างๆ ทางไกล เสมือนอยู่หน้างานจริง ซึ่งนำไปสู่โลกอนาคต เช่น การควบคุมเครื่องจักร, รถยนต์ ต่างๆ ทางไกลทั้งหมดเป็นองค์ประกอบสำคัญที่พาโลกก้าวเข้าสู่แอพพลิเคชั่นปัญญาประดิษฐ์ที่เริ่มเห็นภาพการใช้งานทางปฏิบัติเพิ่มขึ้น หลังจากถูกกล่าวถึงมานานหลายปีจนปี 2566 เริ่มจะเห็นกระแสเชิงบวกความต้องการที่อยู่รายล้อมระบบนิเวศน์ AI ที่เพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มผู้ผลิตชิปชั้นนำของโลก อาทิ NVIDIA และความตื่นตัวในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวกับ AI ในหลากหลายมิติ

โดยทำการศึกษาระบบนิเวศน์เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในปัจจุบัน (AI) เบื้องต้น แบ่งได้ 3 กลุ่มหลัก ดังนี้

กลุ่มที่ 1 คือ Upstream AI Business (AI Infrastructure) คือ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, ดาต้า เซนเตอร์ และธุรกิจคลาวด์ รวมถึงผู้ให้บริการโครงข่ายการเชื่อมต่อต่างๆ โดยเฉพาะผู้ให้บริการโทรคมนาคม

กลุ่มที่ 2 คือ Midstream AI Business (AI Applications) เป็นผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น AI ต่างๆ อาทิ Chat GPT (Chatbot, Content Generation), DALL-E (Image and Art Generation) Synthesia (Video Creation) LYNA (Lymph Node

Assistant), Salesforce (CRM)

กลุ่มที่ 3 คือ Downstream AI (AI-Enabled Industries) เป็นอุตสาหกรรมที่นำ AI ไปช่วยต่อยอดได้ อาทิ การแพทย์ (Machine Learning, Deep Learning, Robotics) การเงิน การผลิต+เกษตร (Robotic, Automation) รถยนต์ (Intelligent Automation) สื่อ (Generative AI) ค้าปลีก (Data Analytics) รวมถึงโลกในอนาคตที่มองภาพถึงรถยนต์อัตโนมัติ

ทั้งนี้ ส่วนวงจรการเติบโตเทคโนโลยี AI ระยะแรก กลุ่มที่มองมีโอกาสได้รับประโยชน์ก่อนจะอยู่ในส่วนกลุ่มที่ประกอบธุรกิจต้นน้ำ ในไทยที่มีความเชื่อมโยงได้ใกล้เคียง ซึ่งมองกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่รองรับ คือ HANA และ DELTA เป็นกลุ่มที่ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมต่างๆ

บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ระบุว่า สินค้าที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่ HANA เป็นผู้ผลิตหลักๆ คือ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCBA) ฮานา เจียซิง ประเทศจีนผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กที่มีส่วนประกอบหลักทั้งหมดของระบบประมวลผลแบบฝังตัว (System In Module) หรือ System On Chip สำหรับการใช้งานขั้นสูงของ Internet of Thing (IoT) ผลิตภัณฑ์โดรน และหุ่นยนต์ AI ขั้นสูง รวมถึงเครื่อง 3D Printings ที่มีระบบการประมวลผลพิเศษในการประมวลผลระบบ AI Engine โดย HANA มีสัดส่วนรายได้จากชิปที่เป็นส่วนประกอบ AI ราว 2-3% ของรายได้รวม โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 59 บาท

บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA มองได้ประโยชน์ในฐานะที่จำหน่ายสินค้ายังกลุ่มผู้ให้บริการ Data Center ที่ต้องเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ อิงฐานยอดขายปัจจุบัน DELTA แบ่งตามสัดส่วนสินค้า Data Center อยู่ที่ 35% ของรายได้รวม และ EV Car อยู่ที่ 25% ของรายได้รวม รวมถึง DC Fan เป็น 10% ของรายได้รวม

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC อยู่ในกลุ่มที่นับเป็นต้นน้ำระบบนิเวศน์ AI ในฐานะผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมทั้งมือถือและอินเตอร์เน็ตบ้าน โดยแอพพลิเคชั่น AI มองมีโอกาสเป็น Key Application ที่ช่วยผลักดันให้ลูกค้าเปลี่ยนไปใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ อาทิ 5G หรือ อินเตอร์เน็ตบ้านที่มีความเร็วสูงขึ้นจะเร่งตัวมากขึ้น และ ADVANC จะได้ประโยชน์ฐานะที่มีโครงข่ายที่ได้ลงทุนไว้แล้ว ทำให้พร้อมเก็บเกี่ยวประโยชน์เต็มที่ จากค่าบริการเฉลี่ยบนเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่แพงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนผู้ใช้บริการ 5G อยู่ราว 16% ของลูกค้าทั้งหมด

นอกจากนี้ จะได้ประโยชน์ในฐานะที่มี Data Center ทั้งให้บริการภายในและนอกองค์กร โดยแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 252 บาท

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE อยู่ในกลุ่มที่นับเป็นต้นน้ำระบบนิเวศน์ AI ในฐานะผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมทั้งมือถือและอินเตอร์เน็ตบ้านเช่นเดียวกับ ADVANC โดยแอพพลิเคชั่น AI มองมีโอกาสเป็น Key Application ที่ช่วยผลักดันให้ลูกค้าเปลี่ยนไปใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ อาทิ 5G หรือ อินเตอร์เน็ตบ้านที่มีความเร็วสูงขึ้น จะเร่งตัวมากขึ้น และ TRUE จะได้ประโยชน์ฐานะที่มีโครงข่ายที่ได้ลงทุนไว้แล้ว ทำให้พร้อมเก็บเกี่ยวประโยชน์เต็มที่ จากค่าบริการเฉลี่ยบนเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่แพงขึ้นกว่าเดิม (ปัจจุบันสัดส่วนผู้ใช้บริการ 5G อยู่ราว 13% ของลูกค้าทั้งหมด) นอกจากนี้ จะได้ประโยชน์ในฐานะที่มี Data Center ทั้งให้บริการภายในและนอกองค์กร โดยแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 9 บาท

บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM อยู่ในกลุ่มที่นับเป็นต้นน้าระบบนิเวศน์ AI ในฐานะผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมประเภทดาวเทียม ซึ่งมีจุดเด่นที่สามารถเชื่อมต่อในจุดที่โครงข่ายภาคพื้นเข้าไม่ถึง เช่น เครื่องบิน ทะเล เหมือง พื้นที่ห่างไกล อากาศ (เชื่อมต่อโดรนที่ปัจจุบันใช้ในธุรกิจการเกษตร+ขนส่งสินค้าระยะทางใกล้ๆ) ทาให้มีความสามารถในการเก็บข้อมูลในบริเวณที่มีความเฉพาะเจาะจง ซึ่งจะเป็นฐานข้อมูลช่วยให้โครงข่ายดาวเทียมต่อยอดหลากหลายมากขึ้นระยะกลางยาว (ปัจจุบัน THCOM มีรายได้จากบริการต่อยอด (Adjacent Business) ราว 2-3% ของรายได้รวม) โดยให้แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 13.20 บาท

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF อยู่ในกลุ่มต้นน้ำระบบนิเวศน์ AI ในฐานะกำลังก้าวสู่ผู้ให้บริการ DATA Center ที่จะลงทุนระดับ Hyperscale ผ่าน บริษัทร่วมทุน (ADVANC+GULF+SINGTEL) ซึ่งทั้ง 3 บริษัทมีจุดเด่นของตนเอง ADVANC ในฐานะที่มีความสามารถบริหารจัดการ Data Center GULF ในฐานะที่ให้บริการไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นในการดำเนินงาน Data Center

ส่วน บริษัท สิงคโปร์ เทเลคอมมูนิเคชันส์ (SINGTEL) มีเครือข่ายลูกค้าต่างประเทศ อาทิ Microsoft ล่าสุดที่นำ AI เข้ามาต่อยอดธุรกิจเชิงรุกมากขึ้น นอกจากนี้ GULF ยังได้ประโยชน์ทางอ้อมจากการถือหุ้น INTUCH บริษัทแม่ ADVANC และ THCOM โดยแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 55 บาท

ส่วนกลุ่มต้นน้ำอื่นๆ มองกลุ่มผู้รับเหมา ICT ที่มีความสามารถสร้าง Data Center อาทิ บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET แต่ยังต้องติดตามการรับงานระยะถัดไปที่ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างขั้นตอนการประมูลในปัจจุบัน

ส่วนกลุ่ม Midstream AI Business คือ แอพพลิเคชั่น AI ต่างๆ ที่คุ้นเคย นอกจากกลุ่มที่สร้างนวัตกรรมใหม่ (Breakthrough) อาทิ กรณี Chat GPT มองกลุ่มที่จะต่อยอดได้คล้ายลักษณะดังกล่าว คือ กลุ่มที่มีฐานข้อมูลพร้อมนามาต่อยอดได้เร็ว ส่วนกรณีที่เป็นการนาแอพพลิเคชั่น AI ต่อยอดจากฐานแอพพลิเคชั่นเดิมที่มีต้องเป็นกลุ่มที่มีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นอย่างเป็นระบบ มีฐานข้อมูลพร้อมต่อยอด โดยผู้ที่ได้เปรียบต้องมีปริมาณผู้ใช้งานจานวนมากพอที่จะนาไปพัฒนา หุ้นที่มองเข้าข่าย ได้แก่

บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 อยู่ในจุดได้เปรียบในฐานะที่เป็นตัวแทนจำหน่ายแอพพลิเคชั่น Salesforce ที่โดดเด่นในเรื่องการบริหารยอดขาย และความสัมพันธ์ลูกค้ารายหลักของประเทศ อิงกระบวนการก่อนนำ AI มาใช้ ต้องเริ่มจากฐานข้อมูลที่มีคุณภาพเพียงพอก่อน BE8 นำระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) อย่าง Salesforce มาช่วยบริหารจัดการข้อมูลลูกค้า เก็บข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ

โดย BE8 ช่วยลูกค้าออกแบบแพลตฟอร์ม และวิธีการจัดเก็บข้อมูลบน Cloud เพื่อให้สามารถนำไปใช้วิเคราะห์ข้อมูลในขั้นต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ BE8 ช่วยบริษัทต่างๆ ให้สามารถนาเทคโนโลยีอย่าง AI มาใช้กับธุรกิจได้จริง โดยนำเสนอ technology ใหม่ๆ จาก partner ระดับโลกให้ลูกค้า AI มาช่วยในกระบวนการทำงาน เช่น chatbot, ทำนายผลและสร้างข้อเสนอแนะทางธุรกิจ

ทั้งนี้ ปัจจุบันเริ่มเห็นแนวคิด Chat GPT + Salesforce AI = Einstein GPT ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพพนักงานในองค์กร เช่น สร้าง personalized content ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้ลูกค้า, เขียน e-mail, สร้างข้อมูลเชิงลึกแนะนำลูกค้าอัตโนมัติ รวมถึงการพัฒนาโปรแกรม AI ที่สามารถเป็นพนักงานขายได้แล้ว โดยยังคงแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 91 บาท

บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK อยู่ในจุดได้เปรียบในฐานะที่ดำเนินธุรกิจเป็นที่ปรึกษา และต่อยอดสู่การให้บริการ Digital Transformation ทำให้มีฐานข้อมูลเชิงลึกหลายบริษัทพร้อมใช้ต่อยอด หรือหาแอพพลิเคชั่น AI ที่เหมาะสมมาเพิ่มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การเน้นรูปแบบธุรกิจแบบ Customized ตามความเหมาะสมลูกค้า การต่อยอดในการขายอาจจะเป็นไปตาม Learning Curve ของบริษัทต่อธุรกิจต่างๆ ที่มีความซับซ้อนกว่าการเป็นตัวแทนจำหน่ายแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่มีบริษัทแม่ช่วยต่อยอดมิติ AI ให้ โดยยังคงแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 156 บาท

Downstream AI Business – Enabled-AI Industries คือ การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไปต่อยอดในอุตสาหกรรมต่างๆ ดังที่ได้กล่าวถึงความสามารถต่อยอดในแทบจะทุกอุตสาหกรรมแล้ว กลุ่มที่มองน่าสนใจจะต้องกลุ่มที่การนำ AI ไปใช้เริ่มเกิดขึ้นจริงแล้ว และมีโอกาสช่วยต่อยอดธุรกิจได้อย่างมีนัยฯ หุ้นที่มองน่าสนใจ คือ

บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS เป็นช่วง Post COVID ธุรกิจโรงพยาบาลมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบัน โรงพยาบาลหลายแห่งมองหาวิธีที่จะใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในวินิจฉัยและรักษาโรค รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานภายในโรงพยาบาล

โดย AI ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญต่อระบบการแพทย์ยุคใหม่ ซึ่ง BDMS ตั้งงบลงทุนราว 1,500 ล้านบาท ในปี 2566-2567 คิดเป็น 9- 10% ของ CAPEX เฉลี่ยต่อปี สำหรับลงทุนด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ อาทิ Application online สำหรับให้คำปรึกษา รวมทั้งมีการใช้ AI ในการอ่านผล X-ray , รังสีรักษา สำหรับการวินิจฉัยทางการแพทย์ ให้มีความแม่นยาและใช้กับเครื่องจัดยาอัตโนมัติ ทำให้ช่วยลดระยะเวลารอรับยา และลดความแออัดในโรงพยาบาลในเบื้องต้นมองว่า การลงทุนด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้บริการทางการแพทย์ในระยะยาว เพิ่มโอกาสในการรักษาโรคซับซ้อนอย่างมีประสิทธิภาพ หนุนความเป็นผู้นำธุรกิจการแพทย์ของไทยในระดับโลก และจุดสำคัญ คือ BDMS มีฐานลูกค้าระดับกลาง บนที่สามารถต่อยอดให้รายได้เพิ่มมากขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม แม้พบว่าส่วนใหญ่แล้ว กลุ่มที่มีโอกาสได้ประโยชน์จะยังมีนัยฯ ในปัจจุบัน แต่เชื่อว่ากลุ่มที่เริ่มมีฐานธุรกิจดังกล่าว เชื่อว่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจระยะกลาง ยาว โดยฝ่ายวิจัยได้คัดเลือกหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธีม AI ตลอดทั้งสายห่วงโซ่มูลค่า กลุ่มต้นน้ำ Upstream เน้น HANA โดยแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 58 บาท ในฐานะผู้ผลิตมีฐานผลิตชิปเชื่อมโยง AI,

ขณะที่กลุ่มกลางน้ำ Midstream เน้น BE8 โดยแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 91 บาท ในฐานะตัวแทนจำหน่าย Application Salesforce ที่พร้อมต่อยอด AI บนความเป็นผู้นำโปรแกรมบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) และกลุ่มปลายน้ำ Downstream เน้น BDMS โดยแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 33.80 บาท ในฐานะที่อยู่ในอุตสาหกรรมการแพทย์ที่เริ่มใช้ AI จริงจัง มีการลงทุนบ้างแล้ว และมีฐานลูกค้าระดับกลางบนให้ต่อยอดเร็ว

Back to top button