RT เร่งส่งมอบงาน มั่นใจดันงบ “เทิร์นอะราวด์” กอดแบ็กล็อกแน่น 9.7 พันล้าน

RT เผยแผนธุรกิจครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง ชูกลยุทธ์พัฒนาศักยภาพการดำเนินงานก่อสร้าง พร้อมส่งมอบงานตามระยะเวลาสัญญา ควบคู่การบริหารแรงงาน ต้นทุนวัสดุ ปัจจุบันตุนแบ็กล็อก 9,779.43 ล้านบาท รับรู้รายได้ถึงปี 72 ดันผลประกอบการเทิร์นอะราวด์ 


นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง 66 บริษัทมุ่งพัฒนาศักยภาพงานก่อสร้าง เน้นพัฒนาองค์กรให้มีผลิตภาพ (Productivity) ลดขั้นตอนการดำเนินงานที่ไม่จำเป็น ควบคู่กับการบริหารแรงงานก่อสร้าง เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและสามารถส่งมอบงานได้ตามระยะเวลาที่กำหนด

ทั้งนี้ บริษัทบริหารต้นทุนวัสดุก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง ติดตามแนวโน้มราคาและวางแผนการสั่งซื้อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ อีกทั้งร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อลดต้นทุนก่อสร้าง ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้ารับงานทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีคุณภาพและมีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น

ขณะที่ครึ่งปีหลัง 66 บริษัทมุ่งเน้นดำเนินงานก่อสร้างได้ตามแผน และทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องจากโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญาที่ 1 ช่วง เด่นชัย-งาว และสัญญา 2 ช่วงงาว-เชียงราย, โครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำตามแนวคลองมหาสวัสดิ์จากโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ถึง ถ.ราชพฤกษ์, โครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองทวีวัฒนา บริเวณคอขวด, โครงการก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินร่วมกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง, โครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน โครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก), งานก่อสร้างทำนบดินหัวงานและอาคารประกอบ โครงการอ่างเก็บน้ำคลองแอ่ง จังหวัดตราด และ งานก่อสร้างเขื่อนหัวงานและอาคารประกอบพร้อมส่วนประกอบอื่น โครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ จังหวัดระยอง

ด้านงานต่างประเทศ บริษัทได้เข้าพื้นที่ก่อสร้าง งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบาง สปป.ลาว เป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงไตรมาส 2/66 ส่งผลให้บริษัทมีปริมาณงานในมือที่รอรับรู้รายได้ทั้งหมด (Backlog) จำนวน 9,779.43  ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 66) โดยจะทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 72

ทั้งนี้ บริษัทมีสัดส่วนรายได้ภายในประเทศ 99.20% และต่างประเทศ 0.80% โดยแบ่งตามประเภทงาน ประกอบด้วย งานก่อสร้างอุโมงค์ 49.80%, งานก่อสร้างเขื่อนและระบบชลประทาน 17.48%, งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 0.21%, งานท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน 9.63%, และ งานอื่นๆ 22.88% อาทิ งานก่อสร้างถนน, งาน Slope Protection เป็นต้น

สำหรับภาพรวมธุรกิจเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นจากการกลับมาดำเนินงานก่อสร้างได้ตามแผน โดยบริษัทยังคงพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารโครงการต่อเนื่อง อาทิ ใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรในงานก่อสร้างเพิ่มขึ้น, ใช้ผู้รับเหมาช่วง (Subcontract) และ บริหารแรงงานให้เพียงพอในแต่ละโครงการ

รวมถึงเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานของบุคลากรในองค์กร ประกอบกับปัจจัยต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อปรับแผนงานให้สอดคล้อง ส่งผลให้บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น และ คาดว่าจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรในช่วงครึ่งปีหลัง” นายชวลิต กล่าว

Back to top button