“ชัยยศ” มอง ”ฟันด์โฟลว์” ไหลออก แนะ 3 หุ้นปลอดภัย

“ชัยยศ จิวางกูร” แนะ 3 หุ้นปลอดภัย ADVANC, BH, KCE, หลังมองฟันด์โฟลว์ต่างชาติยังมีแนวโน้มที่จะไหลออก ชี้การเมืองไทยยังต้องรอข่าวดีเพิ่มเติม


นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (9ส.ค.66) ว่า ปัจจัยภายนอกนั้นจะมีน้ำหนักต่อแนวโน้มตลาดหุ้นไทยมากกว่าปัจจัยภายใน เพราะว่าในช่วงนี้เราจะเห็นตัวฟันด์โฟลว์ต่างชาติที่ขายเข้ามาค่อนข้างดีมากๆ ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เนื่องจากว่ามีความกังวลในเรื่องของกลุ่มธนาคารของสหรัฐ หลังจากที่มูดี้ส์ปรับลดอันดับเรตติ้งลงไป รวมถึงตัวเลขการส่งออก-นำเข้าของจีนเมื่อวานนี้ปรากฏว่าลดลงต่ำสุดในรอบ เกือบๆ 3 ปี เลยทีเดียวส่งผลให้ตัวฟันด์โฟลว์ต่างชาติยังมีแนวโน้มที่จะไหลออกอยู่

โดยเรื่องปัจจัยทางการเมืองภายในนั้น ในส่วนของคะแนนเสียงที่รวบรวมเข้ามานั้น ดูแล้วยังไม่พอแม้ว่าจะมีเรื่องของเพื่อไทย,ภูมิใจไทย รวมถึงวันนี้จะมีประกาศอีกพรรค 5 แกนนำรวมกันเข้ามา ก็คิดว่าคะแนนเสียงระดับนี้น่าจะยังไม่เพียงพอ คงจะต้องรอข่าวดีเพิ่มเติมในส่วนของการดึงพรรคอื่นๆ เข้ามา แต่อย่างน้อยเรื่องพัฒนาการในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ก็เป็นสิ่งที่ดีขึ้น แต่ว่าเซนส์เด็กน่าจะยังไม่ได้ตอบรับกับจุดนี้มากนัก

ทั้งนี้เนื่องจากปัจจัยภายนอกจะเป็นตัวกดดันค่อนข้างมากเราจึงจะเน้นไปทางด้านกลุ่มที่เป็น หุ้นปลอดภัย (Defensive) เพราะว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ภาวะตลาดผันผวนแบบนี้ การที่เราจะไปบู๊มากๆ ก็มีโอกาสเจ็บตัวค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นหุ้นปลอดภัยจึงถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ตัวแรกเลือกเป็น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เมื่อวานนี้ประกาศงบออกมาแล้ว อยู่ที่ประมาณเกือบๆ 7.2 พันล้านบาท ถือว่าดีขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมทั้งมีปันผลอยู่ที่ประมาณ 4 บาท ก็ถือว่าให้ปันผลค่อนข้างดี ส่วนราคาพื้นฐานให้ไว้ที่ 250 บาท แนวโน้มไตรมาส3/66 ยังมองว่าเติบโตได้อยู่

โดยอีกตัวหนึ่งเป็นตัวบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ก็เป็นกลุ่มหุ้นปลอดภัย (Defensive) เช่นกัน คาดการณ์ว่าตัวงบไตรมาส2/66 น่าจะทรงๆ ตัว อยู่ที่ประมาณ 1.5 พันล้าน แต่ต้องบอกว่าตัวเลขนี้เป็นเกณฑ์ที่ดี เพราะว่าได้ในเรื่องของผู้ป่วยต่างชาติที่เข้ามาโดยเฉพาะตะวันออกกลาง มองว่าราคาหุ้นที่ลงมาลึกๆแบบนี้ น่าจะยังมีอัพไซด์ กับตัว BH อยู่ แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานให้ไว้ที่ 250 บาท

และตัวต่อมาคือบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE แม้ผลกำไรไตรมาส2/66 เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วจะแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย แต่ยังคาดว่าหลังจากที่จีนมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ก็จะเป็นเรื่องของกำลังซื้อภาคประชาชนซึ่ง KCE มีสัดส่วนรายได้ในจีนด้วยตรงนี้จึงมองว่าน่าจะช่วยให้ตัว KCE มีโอกาสเกิดการฟื้นตัวขึ้นได้

ทั้งนี้กลุ่มไฟฟ้ายังคงไม่เห็นปัจจัยอะไรใหม่ๆ เข้ามา เนื่องจากว่าได้เรื่องของตัวต้นทุนแก๊สที่ลดลงตรงนี้น่าจะทำให้งบกำไรไตรมาส2/66 ออกมาในเกณฑ์ที่ดี แต่สิ่งที่เข้ามากดดันอีกคือเรื่องของตัวค่า FT ในช่วงไตรมาส4/66 ที่ประกาศออกมาแล้วว่ามีการปรับตัวลง ซึ่งตรงนั้นก็จะเข้ามากดดันอยู่ดี เพราะฉะนั้นกลุ่มโรงไฟฟ้ายังไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าไหร่ แนะนำเล่นเป็นรอบมากกว่า

โดยนอกเหนือจากกลุ่มที่เป็นหุ้นปลอดภัย (Defensive) อาจจะมองเป็นพวกกลุ่มและอุปโภค-บริโภค กลุ่มเครื่องดื่มคาดการณ์ว่าไตรมาส2/66 น่าจะออกมาดีในหลายๆตัวเลย ไม่ว่าจะเป็น บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE, บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI, บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG, หรือถ้าเป็น อุปโภค-บริโภค ก็จะเป็น บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ก็น่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเช่นกัน

Back to top button