WHA ครึ่งปีหลังโต จ่อเซ็นลูกค้าเพิ่ม-ส่งมอบพื้นที่เช่าตามแผน

WHA ย้ำผลงานครึ่งปีหลังโต จ่อเซ็นสัญญาเช่าลูกค้าใหม่ รวมถึงการส่งมอบพื้นที่เช่าตามแผน พร้อมคาดปีนี้จะสามารถเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินทะลุ 2,500 ไร่


นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 21 ส.ค.66 ว่า ภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังมีการเติบโตสดใสต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ที่ยังคงได้รับปัจจัยบวกจากกระแสการเคลื่อนย้ายฐานทุนและฐานการผลิตที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ทำให้บริษัทฯ ได้รับการติดต่อจากนักลงทุนชาวต่างชาติที่เข้ามา site visit เพื่อการลงทุนสร้างโรงงานอุตสาหกรรมที่มากเป็นประวัติการณ์ ด้วยดีมานด์ของที่ดินอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนี้ บริษัทฯ จึงต้องเร่งเดินหน้าพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งในไทยและเวียดนาม โดยภายในสิ้นปี 66 นี้ คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินทะลุไปทดสอบ 2,500 ไร่ เพิ่มเติมมากกว่าเป้าหมายการขายที่ดินจำนวน 1,750 ไร่ (ไทย 1,200 ไร่ / เวียดนาม 550 ไร่) ตามแผนที่วางไว้เมื่อต้นปี

โดยในช่วงไตรมาส 3/66 นี้ บริษัทฯ เตรียมลงนามในสัญญากับผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก เพื่อพัฒนาโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์หลากหลายประเภทบนพื้นที่ดินรวมกว่า 300 ไร่ ภายในพื้นที่เขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ 1 – เหงะอาน เฟส 2  ซึ่งการเข้ามาลงทุนของบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงจุดเด่นและข้อได้เปรียบของกลุ่มบริษัทและจังหวัดเหงะอาน ทั้งในแง่ของที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ความพร้อมของแรงงาน โครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค และโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี

ขณะที่ธุรกิจโลจิสติกส์ในช่วงครึ่งหลังปี 66 ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ซึ่งสอดรับกับโอกาสที่จะเซ็นสัญญาเช่ากับลูกค้ารายใหม่ ทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาวเพิ่มขึ้นที่คาดว่าจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้ รวมถึงการส่งมอบพื้นที่เช่าให้กับลูกค้าตามแผนที่วางไว้

อาทิ โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม. 21 บนเนื้อที่รวมกว่า 400 ไร่ ปัจจุบันเร่งพัฒนาเฟส 2 หลังจากเฟสแรกประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยล่าสุด บริษัท Webasto จำกัด หนึ่งใน 100 บริษัทผู้จัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ได้ลงนามในสัญญาเช่าอาคารคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit ขนาดพื้นที่ 13,083 ตารางเมตร ในพื้นที่ของโครงการเฟส 2 เป็นที่เรียบร้อย

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีแผนพัฒนาโรงงานแบบ Built-to-Suit (ส่วนขยาย) ให้กับลูกค้าผู้ผลิตแบตเตอรี่ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอชลบุรี 1 เพื่อรองรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคต

ส่วนธุรกิจ Office Solutions ภายในไตรมาส 3/66 นี้ จะมีโครงการที่ใกล้ก่อสร้างแล้วเสร็จ ได้แก่ โครงการ Quant Sukhumvit 25 ย่านสุขุมวิท-อโศก อาคารสำนักงาน 7 ชั้น มีพื้นที่เพื่อการพาณิชยกรรมรวม 9,900 ตารางเมตร และโครงการอาคารเพื่อการพาณิชยกรรม พื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร บนทำเลใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 67 และ โครงการ Medical Center แบบ Built-to-Suit พื้นที่กว่า 6,900 ตารางเมตร ที่ได้มีการลงนามในสัญญากับผู้เช่าและเริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการไปแล้วตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา

พร้อมกันนี้ บริษัทฯมีแผนการเตรียมขายทรัพย์สิน และ/หรือ สิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART ในปีนี้ ล่าสุดผู้ถือหน่วยกองทรัสต์ WHART ได้มีมติอนุมัติให้ทำการลงทุนทรัพย์สินเพิ่มเติมเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีพื้นที่เช่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 142,583 ตารางเมตร เป็นมูลค่า 3,567 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2566 ตามแผนงานที่วางไว้

ส่วนธุรกิจน้ำ และไฟฟ้า ยังมีการเติบโตตามการขยายตัวของกลุ่มลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสมจำนวน 167 เมกะวัตต์ และในไตรมาสดังกล่าวได้มีการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ไปแล้วประมาณ 104 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ราว 717 เมกะวัตต์ และเตรียมการลงทุนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 5 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์ จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed in Tariff (FiT) เฟส 1 ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในช่วงปี 2572-2573

นอกจากนี้ WHA Group มุ่งพัฒนาองค์กรสู่การเป็น Technology Company ภายในปี 67 และยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงในยุคดิจิทัล ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ ภายใต้ภารกิจ Mission To The Sun หรือ MTTS และมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนของกลุ่มบริษัทในอนาคต

X
Back to top button