DTCENT แย้มครึ่งปีหลัง เปิดศูนย์บริการ GPS ครบ 8 แห่ง เจาะลูกค้ารถยนต์ส่วนบุคคล

DTCENT ส่งซิกครึ่งปีหลัง ลุยเปิดศูนย์บริการ GPS เพิ่มครบ 8 แห่งภายในปีนี้ เน้นขยายตลาดไปยังรถยนต์ส่วนบุคคล มั่นใจผลงานปีนี้เติบโตเข้าเป้าระดับ 10-15%


นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ DTCENT ผู้นำในการให้บริการระบบ GPS Tracking อันดับ 1 ในประเทศไทย (อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือนม.ค. 65)  เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเปิดศูนย์บริการสำหรับ จำหน่าย ติดตั้งและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ GPS Tracking ในสถานีบริการน้ำมัน โดยได้เปิดให้บริการไปแล้ว 1 แห่ง ณ ถนนบางนา-ตราด กม.6 ขณะเดียวกัน อยู่ระหว่างการขยายสาขาเพิ่มในเส้นทางหลักต่างๆ ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พร้อมทั้งหัวเมืองใหญ่ เช่น จังหวัดอุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา เชียงใหม่ เป็นต้น

โดยศูนย์บริการฯ นอกจากจะมีบริการติดตั้งและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ GPS Tracking แล้ว ยังมีการจำหน่ายกล้องวงจรปิด กล้องบันทึกภาพหน้ารถ มุ่งเน้นขยายไปยังกลุ่มลูกค้าที่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลมากขึ้น  จากเดิมที่เป็นกลุ่มรถขนส่งขนาดใหญ่ เนื่องจากต้องการขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายการเปิดศูนย์บริการฯ ให้ครบ 8 แห่งภายในปีนี้ ส่วนในปี 67 มีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มอีก 20 แห่ง ให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

ขณะที่ งานด้าน IoT Solution และ ระบบ AI  รองรับการขยายโครงการของภาครัฐ และเทศบาลต่างๆ ซึ่งบริษัทฯ ได้รับงานโครงการระบบ AI เพื่อบริหารจัดการเครื่องสูบน้ำ ของสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร ส่วน BAMS (Business Activity Management System) เปิดให้บริการบนเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของระบบ BIM (Building Information Modeling), EV Platform, Logistics Demand-Supply Matching Platform คาดว่า จะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้

สำหรับความคืบหน้าการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนเป็นการนำโมเดล ระบบ GPS Tracking และ IoT Solution ร่วมกับพันธมิตรในต่างประเทศ ล่าสุด ได้ลงนามสัญญากับบริษัท สุดาพอนการค้า ขาเข้า-ขาออก และบริการ จำกัด  และบริษัท พีทีแอล โฮลดิ้ง จำกัด เพื่อร่วมลงทุนจัดตั้ง บริษัท ดี.ที.ซี. ลาว จำกัด ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)  ขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนเตรียมจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท มั่นใจว่า ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนผลงานในปีนี้เติบโตที่ระดับ 10-15%

ส่วนความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ประกอบด้วย บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น หรือ YES วางแผนที่จะพัฒนาให้บริษัทฯ เป็น Tier 1 Supplier ในงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาจจะต้องใช้เวลาในการพัฒนาสินค้าร่วมกัน และคาดว่า จะเห็นความชัดเจนภายในปีหน้าเพิ่มขึ้น ส่วนบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS)

ขณะนี้ ร่วมวางแผนงานการดำเนินธุรกิจ ในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และพัฒนาผลิตภัณฑ์ Supply Chain Solutions ใหม่ๆ เพื่อช่วยลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้กับบริษัทฯ

ทั้งนี้ DTCENT ร่วมกับบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชนฯ กำลังศึกษาการเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก ในรูปแบบการทำ M&A ในบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดีต่อเนื่อง คาดว่า จะมีความชัดเจนภายในปีหน้า

Back to top button