RABBIT แจงตลท. ปมราคาหุ้นวิ่งคึก ไม่มีพัฒนาการสำคัญ

RABBIT แจงกรณีราคาหุ้นวิ่งแรง ยันไม่มีพัฒนาการที่สำคัญใดๆ อาจส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของราคาหลักทรัพย์ของบริษัทฯ


นางสาวสรญา เสถียรโกเศศ กรรมการ บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RABBIT กล่าวว่า บริษัทฯได้ชี้แจงข่าวหรือข้อมูลตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ สอบถามตามได้มีหนังสือฉบับลงวันที่ 28 สิงหาคม 2566 โดยขอให้ RABBIT แจงข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการที่สำคัญของบริษัทฯ เนื่องจากปริมาณและราคาการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนั้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอชี้แจงให้ทราบว่า บริษัทฯ ไม่มีพัฒนาการที่สำคัญใดๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของราคาหลักทรัพย์ของบริษัทฯ

อนึ่งข้อมูลที่ปรากฏ แหล่งข่าวจากผู้บริหาร RABBIT เปิดเผยว่าบริษัทได้เดินหน้าตามแผนการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจการเงินอย่างต่อเนื่องต่อเนื่อง โดยรายได้จากธุรกิจบริการทางการในไตรมาส 3/66 เริ่มเห็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาแตะระดับ 10% ของรายได้รวม ประกอบกับยังมีการในส่วนของธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ที่ดำเนินงานภายใต้ บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไพร์มโซน จำกัด ได้มีการเริ่มดำเนินการทยอยซื้อสินทรัพย์เข้ามาบริหาร หลังเริ่มเปิดดำเนินการไปเมื่อต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน บริษัทจะมีรายได้เข้ามาเสริมในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ จากโครงการ เดอะ ยูนิคอร์น พื้นที่เช่า 21,220 ตารางเมตร ที่ได้เปิดตัวในช่วงเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมากจากผู้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงาน จากทำเลของโครงการอยู่ใจกลางเมืองเชื่อมต่อกับสถานีบีทีเอส พญาไท และได้เปิดให้บริการโรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท ซึ่งได้รับอานิสงส์อย่างมากจากการท่องเที่ยวคึกคัก ทำให้มีอัตราการเข้าพักในช่วงเปิดสูงกว่า 66% และมีค่าห้องพักเฉลี่ยในระดับที่ดีที่ 4,500-5,000 บาท/คืน จะเข้ามาเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/66 และไตรมาส 4/66

ส่วนแรงกดดันของผลการดำเนินงานส่วนหนึ่งที่มาจากผลขาดทุนจากการด้อยค่าเงินลงทุนใน บมจ.ซิงเกอร์ ประเทศไทย (SINGER) คาดว่าจะลดลงอย่างมากในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากมองว่าธุรกิจของ SINGER ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้ปัจจัยกดดันดังกล่าวลดลงหลังจากไตรมาส 2/66 บันทึกรายการในส่วนนี้เข้ามาสูงราว 1.5 พันล้านบาท

สำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมรัพย์เพื่อขายที่มีการร่วมทุนกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้น ปัจจุบันบริษัทยังมีโครงการร่วมทุนกับ บมจ.แสนสิริ (SIRI) ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่และอยู่ระหว่างการขาย 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ KHUN by Yoo และโครงการ THE LINE พหลโยธิน พาร์ค และโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ THE LINE สาทร และโครงการ THE LINE VIBE ยังมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) เกือบ 1.7 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้เข้ามาต่อเนื่องในช่วงปี 66-69

Back to top button