6 โบรกสแกน TRP พื้นฐานดี! ชี้กำไร 3 ปี โตเฉลี่ย 17% เคาะเป้าสูง 26 บาท

6 โบรกประเมินหุ้นไอพีโอน้องใหม่ TRP พื้นฐานเด่น การันตี 3 ปีข้างหน้ากำไรโตเฉลี่ย 17% แถมมีอัตราการทำกำไรสุทธิสูงสุดในกลุ่ม เคาะกรอบราคาเป้าหมาย 21-26 บาทต่อหุ้น ระดมทุนเพื่อก่อสร้างโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้าแบบครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย รองรับเทรนด์ความสวยความงามที่เติบโตรุดหน้าอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบัน-อนาคต หนุนธุรกิจโตแกร่งอย่างยั่งยืน


บริษัท เอสเตติก คอนเนค จำกัด (มหาชน) หรือ TRP ผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาลด้านคลินิกเวชกรรม ภายใต้ชื่อ “ธีรพรคลินิก” เพื่อให้บริการศัลยกรรมความงามเฉพาะบนใบหน้าแก่บุคคลทั่วไป ก่อตั้งโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ชลธิศ สินรัชตานันท์ อดีตนายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าประเทศไทย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านศัลยกรรมตกแต่งบนใบหน้ามากว่า 40 ปี พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมากประสบการณ์ เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในด้านศัลยกรรม เครื่องมือแพทย์ครบครัน ทันสมัย และมีมาตรฐานระดับสากล

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 90 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 25.71% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย IPO และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจบริการ (SERVICE) ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2566

สำหรับการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯมีแผนนำเงินไปใช้ลงทุนขยายกิจการในโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการก่อสร้างโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้า เพื่อก้าวสู่การเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้าแบบครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย, จัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์, ชำระคืนเงินกู้จากการยืมสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานให้สอดคล้องกับแผนการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต

ขณะที่ผลดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาถือว่าเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ระหว่างช่วงเวลาในปี 2563-2565 สำหรับในปี 2563 มีรายได้รวม 221.60 ล้านบาท ต่อมาในปี 2564 มีรายได้รวม 427.76 ล้านบาท และในปี 2565 มีรายได้รวม 854.07 ล้านบาท ตามลำดับ

ส่วนทางกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน โดยในปี 2563 มีกำไรสุทธิ 37.15 ล้านบาท ต่อมาในปี 2564 มีกำไรสุทธิ 112.68 ล้านบาท และในปี 2565 มีกำไรสุทธิ 270.27 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 369.05 ล้านบาท และกำไรสุทธิ  105.48 ล้านบาท

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญมีรายงานจากบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ 6 แห่ง ได้ประเมินราคาเหมาะสมของหุ้น TRP ไว้ดังนี้

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)  นักวิเคราะห์ได้ประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 26 บาท ประเมินด้วยวิธี DCF เทียบเท่ากับ P/E 67 ที่ 35 เท่า ใกล้เคียงกับ Forward P/E ปี 2567 ของ MASTER โดยคาดกําไรสุทธิ 3 ปีข้างหน้า (2567- 2569) จะเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 17.1% สอดคล้องกับที่คาดการณ์ว่าธุรกิจศัลยกรรมความงามของประเทศไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้าแบบครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าเริ่มเปิดดำเนินการในไตรมาส 4 ปี 2567

ทั้งนี้ TRP มีจุดแข็งที่ผู้ก่อตั้งและทีมแพทย์ โดยผู้ก่อตั้งคือ นาวาโทหญิงสุวรรณี จิรยั่งยืน ร.น. และครอบครัว พร้อมมีผู้นําทีมแพทย์และที่ปรึกษา คือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ชลธิศ สินรัชตานันท์ อดีตนายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย ที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และมีชื่อเสียงในวงการมายาวนาน รวมทั้งเป็นที่ปรึกษา และเป็นอาจารย์ถ่ายทอดความรู้เทคนิคให้แก่ทีมแพทย์ธีรพร

โดยบริษัทเน้นกลยุทธ์หลัก ด้านคุณภาพ ทั้งทีมแพทย์และการให้บริการที่น่าเชื่อถือ ด้วยผลงานอันโดดเด่นเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง และเป็นผู้นําในนวัตกรรมด้านศัลยกรรมตกแต่งความงามบนใบหน้า โดยอาศัยการบอกปากต่อปากของลูกค้า (Word of mouth) ไม่ใช้นโยบายการแข่งขันด้วยการลดราคาค่าบริการ

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นักวิเคราะห์ได้ประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 ของ TRP ได้ที่ 22 บาท ด้วยวิธี PER โดยอิง PER ที่ 29 เท่า เทียบเท่าค่าเฉลี่ยของ peer กลุ่มโรงพยาบาลขนาดเล็ก และ MASTER, KLINIQ โดยประเมินกำไรปี 2563-2567 จะเติบโตเฉลี่ย (CAGR) สูงถึง 48% เติบโตโดดเด่นหลังเปิดประเทศ โดย TRP เป็นผู้นำด้านศัลยกรรมความงามบนใบหน้า และกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมความงามบนใบหน้าแห่งแรกในประเทศไทย

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยชอบ TRP จาก 4 ปัจจัยหลัก คือ 1. การเป็นผู้นำด้านศัลยกรรมความงามบนใบหน้า และกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมความงามบนใบหน้าแห่งแรกในประเทศไทย โดยจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 4 ปี 2567 และจะมี capacity เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว โดยคาดจะสร้างรายได้และกำไรเต็มที่ในปี 2568 2. TRP มีอัตราการทำกำไรสุทธิที่สูงที่สุดในกลุ่ม เพราะรูปแบบการศัลยกรรมของ TRP มีความ premium และราคาสูงกว่าคู่แข่ง

3.การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุจะช่วยผลักดันให้ TRP มีรายได้จากศัลยกรรมดึงหน้า (สัดส่วนรายได้สูงสุดที่ราว 65% ของรายได้รวม) เพิ่มมากขึ้นในอนาคต และ 4. การมีทีมแพทย์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ชลธิศ สินรัชตานันท์ ซึ่งเป็นผู้คิดค้นศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า ด้วยนวัตกรรม Face-Lock เพื่อแก้ไขปัญหาใบหน้าต่าง ๆ ที่ให้ผลดี แผลเล็กและสามารถฟื้นตัวได้เร็ว

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) นักวิเคราะห์ได้ประเมินราคาเป้าหมายของ TRP ปี 2567 ที่ 23 บาท คิดเป็น Imply P/E ปี 2567 ที่ 31 เท่า โดย related PE ที่ระดับ Premium กลุ่มฯ เนื่องด้วย TRP  มีจุดเด่น คือ 1 มีมาตรฐานการให้บริการสูง ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง มีเทคนิคผ่าตัดที่คิดค้นขึ้นเองและมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชัดเจน

2 มีการขยายศักยภาพให้บริการเป็นโรงพยาบาลทำให้มีกำลังการให้บริการเพิ่มขึ้นเท่าตัวรองรับการเติบโตระยะยาว และการเสริมความงามที่ผู้ใช้บริการจะกลับมาใช้บริการซ้ำ ซึ่งมีอัตราทำกำไรสูงกว่าธุรกิจโรงพยาบาล โดยในปี 2567-2568 คาดมีกำไรสุทธิ 262 ล้านบาท และ 330 ล้านบาทตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย 28%ต่อปี เนื่องจากคาดรายได้กลับมาเติบโต 24%ต่อปี จากศักยภาพให้บริการเพิ่มขึ้นของโรงพยาบาล ทำให้คาดว่าจะมีจำนวนครั้งของการใช้บริการเติบโต 20%ต่อปี รวมถึงการคาดการณ์ค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้มีสัดส่วน 19.1% และ17.2% ลดลงจากผลบวกของ Economies of scale ของจำนวนครั้งของการให้บริการที่เพิ่มขึ้น ทำให้คาดว่า EBITDA margin มีแนวโน้มดีขึ้นเป็น 36.7% และ 40.3% ตามลำดับ และ 3.คาดว่าค่าใช้จ่ายการเงินลดลงตามการคืนเงินกู้สถาบันการเงิน

 บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด นักวิเคราะห์ได้ประเมินราคาเป้าหมาย ด้วยวิธี PEG Ratio ที่ 1 เท่า เพื่อสะท้อนถึงความสามารถในการเติบโตของผลประกอบการ โดยคาดว่ากำไรปี 2564-2567 จะเติบโตเฉลี่ย 33%จากปีก่อนหน้า และคาดกำไรต่อหุ้นปี 2567 ที่ 0.76 บาทต่อหุ้น จึงได้ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 25 บาท

ขณะที่ฝ่ายวิจัยคาดว่ารายได้ปี 2567 จะอยู่ที่ 936 ล้านบาท เติบโต 27% จากปีก่อน และมีกำไร 265 ล้านบาท เติบโต 33% จากปีก่อน โดยได้แรงหนุนจาก 1.การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่สัดส่วนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยในปี 2564 มีสัดส่วนผู้สูงอายุอยู่ที่ 19.6% ของประชากรสู่ 21.1% ของประชากรในปี 2568 2.นโยบายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของรัฐบาลอีกทั้งประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรอง JCI สูงติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลกและไทยได้อันดับ 2 ของโลกในการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจาก Wellness Tourism Initiative 63

และ 3.การเปิดโรงพยาบาลใหม่ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นจาก 1.16 พันตร.ม.สู่ 9.92 พันตร.ม. และจำนวนห้องผ่าตัดเพิ่มขึ้นจาก 6 ห้องเป็น 12 ห้อง ห้องให้คำปรึกษาเพิ่มขึ้นจาก 3 ห้องเป็น 8 ห้อง และห้องติดตามผลหลังผ่าตัดจาก 6 ห้องเป็น 11 ห้อง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 4/67

ด้านอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวม (SG&A/Sales) คาดว่าจะปรับตัวลงจาก 21.1% สู่ 19.50% เนื่องจากคาดว่ารายได้จะกลับมาเติบโตเร็วกว่าค่าใช้จ่ายฯ โดยเมื่อพิจารณาเป็นตัวเงินเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ 155 ล้านบาท สู่ระดับ 183 ล้านบาท ในปี 2567

บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) นักวิเคราะห์ได้ประเมินราคาเป้าหมาย 25 บาท ด้วยวิธี PE multiple ใช้กำไรต่อหุ้นปี 2567 ที่ 0.84 บาท กำหนดเป้าหมาย P/E ปี 2567 ที่ 25 เท่า อิงกับค่าเฉลี่ยการซื้อขายของบริษัทที่มีลักษณะธุรกิจใกล้เคียงกับบริษัทฯ ซึ่งต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ยการซื้อขาย 5 ปีของกลุ่มบริการ (Service) ที่ประกอบธุรกิจคล้ายกันที่สูงถึง 38 เท่า

โดยมองว่าในอนาคต TRP มีโอกาสเติบโตได้ดี เนื่องจากมีปัจจัยเร่งจากภายในประเทศ ประกอบด้วย 1.ปัจจัยทางด้านกระแสนิยมการดูแลผิวพรรณ และการดูแลรูปร่างหน้าตามากขึ้น 2.การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้สูงอายุในประเทศ (Medical Tourism) โดยสัดส่วนปี 2537-2564 เติบโตจาก 6.8% มาอยู่ที่ 19.6% 3. การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวเพื่อรับบริการทางการแพทย์ ด้วยมาตรฐานการรักษาที่เป็นเลิศและค่ารักษาพยาบาลเฉลี่ยที่ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ และ 4.อัตรารายได้ต่อหัวของประชากรในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และความต้องการรับบริการที่ซับซ้อนมากขึ้น

อีกทั้งคาดว่า TRP คาดว่าจะเปิดโรงพยาบาลศัลยกรรมภายในไตรมาส 4/2567 ทำให้ห้องผ่าตัดเพิ่มจากเดิม 6 ห้อง เป็น 12 ห้อง ห้องให้คำปรึกษาจาก 3 ห้องเป็น 8 ห้อง และห้องติดตามผลหลังผ่าตัดจาก 6 ห้องเป็น 11 ห้อง ขณะที่ในปี 2565 อัตราการใช้ห้องผ่าตัดอยู่ที่ 66%  จึงมองว่า TRP ยังสามารถเพิ่มอัตราการใช้ห้องได้อีกมากและมีโอกาสที่รายได้จะเติบโตจากความสามารถในการรองรับผู้ป่วยที่มากขึ้นหลังเปิดโรงพยาบาลใหม่

บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นักวิเคราะห์ได้ประเมินราคาเป้าหมายในปี 2567 ของ TRP ที่ราคา 21 บาท อิง Targeted P/E 27.5 เท่า เทียบเท่าค่าเฉลี่ยการซื้อขายระหว่างหุ้นผู้ประกอบการกลุ่มการแพทย์ขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงหุ้นกลุ่มบริการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ mai ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับการแพทย์

โดยคาดการณ์ว่า TRP จะมีกําไรสุทธิในปี 2567 เติบโตแข็งแกร่ง 33% เป็น 268 ล้านบาท และคาดปี 2568 ขยายตัวต่อเนื่องอีก 22% เป็น 326 ล้านบาท โดยมีการเติบโตของรายได้ และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A/sales) ที่ปรับลดลง เป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญบนประมาณการรายได้รวมเติบโต 25% และ 20% ตามลำดับ

อีกทั้ง มีปัจจัยหนุนจากการขยายตัวของปริมาณผู้ใช้บริการ หลังการลงทุนด้านการตลาดผ่านสื่อ และการเปิดดําเนินงานโรงพยาบาลแห่งใหม่ในไตรมาส 4/67 ขณะที่ SG&A/Sales คาดว่าจะลดลงต่อเนื่องเป็น 20% ในปี 2567และ 18% ในปี 2568 ตามปริมาณรายได้ที่เพิ่มขึ้นก่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาดของการดำเนินธุรกิจ และคาดว่าจะผลักดัน Net Profit Margin ในปี 2567สูงขึ้นเป็น 28.6% และในปี 2568 ที่ระดับ 28.9% ส่งผลให้ ROE ทรงตัวที่ระดับ 20-22% ในช่วง 3 ปี และ ROA สูงขึ้นเป็น 20% ในปี 2568

Back to top button