ไทย จับมือซาอุฯ ดันธุรกิจ “Medical hub” รับผู้ป่วยตะวันออกกลาง 4 กลุ่มโรค

“นลินี ทวีสิน” ผู้แทนการค้าไทย จับมือกระทรวงสาธารณสุขซาอุดิอาระเบีย สนับสนุนธุรกิจการแพทย์และสุขภาพ รับนักลงทุน-ผู้ป่วยตะวันออกกลางเข้าไทย รักษา 4 กลุ่มโรคสำคัญ มุ่งขยายความสัมพันธ์ทุกมิติ


นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยภายหลังการหารือกับคณะผู้บริหาร Panacee Group ประกอบด้วย นายวิษณุ เทพเจริญ นางศิริญา เทพเจริญ และแพทย์หญิง จินตนา มโนรมย์ภัทรสาร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขยายตลาดการรักษาผู้ป่วยต่างประเทศจากตะวันออกกลาง และการลงทุนก่อสร้างศูนย์การแพทย์ร่วมกับนักลงทุนซาอุดิอาระเบีย ว่า ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลสร้างความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขซาอุดิอาระเบียเพื่อสนับสนุนให้ผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคสำคัญ

ประกอบด้วย กลุ่มโรคมะเร็ง, กลุ่มโรคเบาหวานที่ต้องตัดขา, กลุ่มโรคไตวาย และกลุ่มโรคหัวใจจากเบาหวาน เดินทางเข้ามารักษาตัวในประเทศไทย โดยทางการซาอุดิอาระเบียเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่าย รวมทั้งประสานงานเพื่อจัดเวทีเจรจาธุรกิจระหว่างกลุ่มธุรกิจบริการทางการแพทย์ของไทยกับกลุ่มนักลงทุนซาอุดิอาระเบีย กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Public Investment Fund) และหอการค้าซาอุดิอาระเบีย ในงาน THAILAND MEGA FAIR 2023 ระหว่างวันที่ 13 – 16 ธันวาคม 2566 ณ กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย

ขณะที่นางนลินี กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ป่วยจากซาอุดิอาระเบียและตะวันออกกลาง เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อเข้ารับการรักษาอาการป่วย 4 โรคสำคัญ ในรูปแบบ Complementary Medicine หรือการแพทย์ทางเลือกที่นำไปใช้เสริมหรือใช้ร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งเป็นการรักษาที่ต้นเหตุ ช่วยรักษาอาการและส่งเสริมสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า 96% นอกจากนี้ Panacee Medical Center ยังให้บริการรักษาด้วยวิตามินบำบัด (Intravenous Therapy), เซลล์บำบัด (Cell Therapy), Royal Court Pharmacopeia สมุนไพรไทย และตำรับกัญชา แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของภาคเอกชนด้านการแพทย์ไทยที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับของต่างชาติ

โดยสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการแพทย์ หรือ Medical hub ของภูมิภาคและโลก ทั้งนี้ ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานสากลมากกว่า 50 แห่ง ถือเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และเป็นที่ 1 ของอาเซียน ซึ่งมีจำนวนลูกค้าที่เป็นผู้ป่วยและมีกำลังซื้อสูงเข้ามาใช้บริการธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในช่วงก่อนโควิดมากกว่า 30 ล้านคนต่อปี โดยในปี 2565 สร้างรายได้มากกว่า 300,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตขึ้นอีกราว 8 – 10% ในปีนี้

“รัฐบาลพร้อมสนับสนุนภาคเอกชนเพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยต่างชาติเข้ามารับการรักษาอาการป่วยในประเทศไทย และดึงดูดการลงทุนด้านการแพทย์และสุขภาพจากนักลงทุนในตะวันออกกลางและซาอุดิอาระเบีย หลังจากที่ทั้งสองประเทศได้เปิดประตูเชื่อมความสัมพันธ์ในทุกมิติ และขณะนี้นายกรัฐมนตรีก็อยู่ระหว่างการเดินทางไปเยือนซาอุดิอาระเบียด้วย โดยคาดการณ์ว่าจะได้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานต่าง ๆ ของไทย เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ หรือบีโอไอ เป็นต้น” นางนลินี กล่าว

 

Back to top button