SICT โชว์กำไร Q3 โต 49% แตะ 24 ล้าน มั่นใจรายปีนี้เข้าเป้า 15%

SICT โชว์กำไรไตรมาส 3/66 โต 49% แตะ 24 ล้านบาท ดัน 9 เดือนแรก ทะลุ 120 ล้านบาท โตทะลัก 50% จากการบริหารงานที่ดี มั่นใจปีนี้รายได้โตเข้าเป้า10-15%


บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SICT ผู้ออกแบบและจำหน่ายไมโครชิพอัจฉริยะสัญชาติไทย ที่ได้รับความไว้วางใจจากหลากหลายประเทศทั่วโลก รายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาส 3/2566 ด้วยกำไรสุทธิ 24.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2565 จากการบริหารจัดการค่าเงินที่มีประสิทธิภาพ

ส่วนกำไรสุทธิสำหรับรอบระยะเวลา 9 เดือนเท่ากับ 120.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ยังมีความท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคทั่วโลก และระดับสินค้าคงคลังในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ที่เพิ่มสูงขึ้น กดดันรายได้ในช่วงครึ่งหลังของปี

โดยรายได้รวมของบริษัทในไตรมาสที่ 3/2566 มีการปรับตัวลดลง 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ กลุ่มระบบลงทะเบียนสัตว์ (Animal ID) ยังคงเป็นสัดส่วนหลักของรายได้รวม คือ 45% โดยมีการเติบโต 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการขยายตัวของตลาดระบบลงทะเบียนสัตว์อย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากการบังคับใช้ป้ายทะเบียนสัตว์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Identification tag) ในกลุ่มแกะและแพะในทวีปออสเตรเลีย และแนวโน้มในการใช้ป้ายทะเบียนสัตว์อิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มประเทศอื่นๆเพิ่มเติม ในส่วนของกลุ่มระบบกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์และกลุ่ม IoT ในภาคอุตสาหกรรมมีรายได้ที่ลดลง

โดยกลุ่มระบบกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ (Immobilizer) มีรายได้ลดลง 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการชะลอตัวของรายได้จากลูกค้าหลักในสหรัฐอเมริกา อันเนื่องมาจากระดับสินค้าคงคลังของลูกค้ายังคงอยู่ในระดับสูง โดยกลุ่มนี้มีสัดส่วนเป็น 23% ของรายได้รวม

ในส่วนของกลุ่ม IoT ในภาคอุตสาหกรรม (Industrial IoT) มีรายได้ลดลง 14% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนหนึ่งจากการชะลอตัวของรายได้จากลูกค้าในประเทศจีนจากสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคที่มีความท้าทาย โดยกลุ่มนี้มีสัดส่วนเป็น 28% ของรายได้รวม ส่วนของกลุ่ม NFC และอื่นๆ ในไตรมาสนี้ เติบโตขึ้น 66% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในกลุ่ม NFC เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเป็นหลัก โดยในกลุ่มนี้มีสัดส่วนเป็น 4% ของรายได้รวม

แม้สถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคทั่วโลกมีความท้าทายมากขึ้นและระดับสินค้าคงคลังในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงก่อนหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันต่อการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปี 2566  ทั้งนี้ บริษัทได้มีการติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อบริหารจัดการอย่างเหมาะสมภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปและเดินหน้าตามแผนงานอย่างต่อเนื่อง โดยยังมั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมายในการเติบโตของรายได้รวมในปี 2566 อยู่ที่ 10-15%

ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าร่วมงาน Exhibition ในหลายประเทศเพื่อจัดแสดงสินค้าและนวัตกรรมต่างๆของบริษัทให้เป็นที่รู้จักและขยายกลุ่มฐานลูกค้าให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น งาน Euroanalysis 2023 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในวันที่ 27-31 สิงหาคม 2566 งาน Electronica India 2023 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศอินเดีย ในวันที่ 12-15 กันยายน 2566 งาน Luxe Pack Monaco 2023 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศโมนาโก ในวันที่ 2-4 ตุลาคม 2566 และงาน Wireless IoT Tomorrow 2023 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศเยอรมัน ในวันที่ 18-19 ตุลาคม 2566 ทั้งยังได้มีการเดินทางไปพบปะลูกค้าและคู่ค้ารายสำคัญในต่างประเทศเพื่อกระชับความสัมพันธ์ วางแผนงานร่วมกัน และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆอีกด้วย

นอกจากนี้  บริษัทยังได้ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนประจำปี 2566 โดยได้รับผลการประเมิน SET ESG Ratings ประจำปี พ.ศ.2566 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้อยู่ในระดับ “A” และยังได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทยประจำปี 2566 อยู่ในเกณฑ์ “ดีเลิศ” ระดับ 5 ดาว จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 อีกด้วย สะท้อนถึงการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรม บนพื้นฐานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาลที่ดี (Environmental Social and Governance: ESG)  เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

Back to top button