EGCO โชว์รายได้ Q3 แตะหมื่นล้าน เร่งปิดดีล “โรงไฟฟ้าสหรัฐ” ปีนี้

EGCO กวาดรายได้ไตรมาส 3/66 แตะ 13,910 ล้านบาท เร่งปิดดีล “โรงไฟฟ้าคัมแพซ” ในสหรัฐฯ ภายในปี 66 ลุยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ-พลังงานสะอาด มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำภายในปี 93


นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่าภาพรวมการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 สร้างการเติบโตทางธุรกิจควบคู่กับการบริหารการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่อยู่ในพอร์ตโฟลิโอและต้นทุนเชื้อเพลิงอย่างเหมาะสมส่งผลให้การดำเนินงานในปัจจุบันไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากปัจจัยความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกซึ่งกดดันต้นทุนเชื้อเพลิงและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

โดยความก้าวหน้าทางธุรกิจที่สำคัญในไตรมาสที่ 3 จนถึงปัจจุบัน คือ การลงนามเพื่อซื้อหุ้นในสัดส่วน 50% ในพอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าคัมแพซ สหรัฐอเมริกา ที่มีกำลังผลิตรวม 1,304 เมกะวัตต์ และการเปิดให้บริการระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (TPN) เต็มรูปแบบ รวมไปถึงความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (หุ้นกู้กรีนบอนด์) มูลค่า 7,000 ล้านบาท

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 13,910 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงาน 3,343 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากโรงไฟฟ้าพาจู อีเอส เกาหลีใต้ ที่มีปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นและต้นทุนขายลดลง

อีกทั้งโรงไฟฟ้าลินเดน โคเจน สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีปริมาณการขายไฟฟ้าและมีอัตราค่าไฟฟ้าต่อหน่วยเพิ่มขึ้น รวมถึงโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 สปป.ลาว ที่มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นในขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,373 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 704% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากการรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงลดลง

สำหรับการดำเนินงานที่สำคัญในอนาคตอันใกล้ของบริษัท คือ การปิดดีลการซื้อหุ้น พอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าคัมแพซ สหรัฐอเมริกา ที่มีกำลังผลิตรวม 1,304 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2566 และการผลักดันโครงการโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น (ส่วนขยาย) จ.ระยอง กำลังผลิต 74 เมกะวัตต์ ที่มีความคืบหน้ากว่า 90% ให้สามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตามกำหนด

ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งหยุนหลิน ไต้หวัน มีกำลังผลิต 640 เมกะวัตต์ และมีความคืบหน้าในการก่อสร้างได้ตามแผนงานสามารถขจัดความท้าทายต่างๆไปได้ด้วยดี ซึ่งจะทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว 264 เมกะวัตต์ ทั้งนี้มีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าได้ดีกว่าเป้าหมาย โดยคาดว่าโครงการทั้งหมดจะแล้วเสร็จตามกำหนดภายในปี 2567

“โดย EGCO มุ่งมั่นแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนภายใต้  กลยุทธ์ระยะสั้น “4S” เน้นสร้างรายได้อย่างรวดเร็วและเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และเลือกลงทุนในโครงการที่มีคุณภาพสูง (Select high quality projects) ในรูปแบบ M&A ทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลัก (Conventional) อย่างก๊าซธรรมชาติ และพลังงานหมุนเวียน (Renewable)

ทั้งนี้เพื่อรับรู้รายได้ทันทีโดยมีการได้เปรียบจากการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งใน 8 ประเทศ ที่มีฐานทางธุรกิจอยู่แล้ว ในขณะเดียวกันยังได้วางแผนการลงทุนในธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตอย่างซัพพลายเชนไฮโดรเจนที่มีศักยภาพรองรับการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสีเขียว ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 (2050)”นายเทพรัตน์ กล่าว

Back to top button