JKN วิบากกรรม “หุ้นกู้ JKN239A” ต้องเบี้ยวหนี้! ยื่นศาลขอฟื้นฟูกิจการ

เปิดไทม์ไลน์ JKN ผิดนัดชำระหุ้นกู้ JKN239A นำไปสู่การยื่นขอฟื้นฟูกิจการ ฟาก “เจ๊แอน” ยืนยันไม่ได้หนีไปไหน พร้อมเร่งหาทางชำระหนี้ให้ได้มากที่สุด


เรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในแวดวงตลาดทุนเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะประเด็นที่เรียกเสียงฮือฮาและพูดกันหนาหู คือการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ของทาง บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) หรือ JKN เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 ส.ค.66 “เจ๊แอน” จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ แจ้งข่าวว่าจะมีการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้รุ่น JKN239A ถึงวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ในวันที่ 1 ก.ย. 66 จํานวนเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งสิ้น 609.98 ล้านบาท แต่บริษัทฯสามารถชำระได้เพียง 156.60 ล้านบาท ทำให้ค้างชำระราว 443.40 ล้านบาท พอข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป เป็นเหตุให้ราคาหุ้น JKN ปรับตัวลงทำจุดต่ำสุด (ฟลอร์) ทันที

ต่อมา “เจ๊แอน” ได้ออกมาแถลงข่าวโดยให้คำมั่นสัญญาว่าจะรีบดำเนินการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด พร้อมเคาะวันประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 ก.ย.66 เพื่อแถลงแผน และขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น

โดยหลังจากนั้นไม่นานได้มีข่าวลือออกมาหนาหูว่า “ต้อย ท็อปนิวส์” หรือ สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ได้มีการเจรจากับทาง “เจ๊แอน” เพื่อขอซื้อกิจการสถานีโทรทัศน์ช่อง 18 ด้วยมูลค่าราว 500 ล้านบาท จนภายหลัง “เจ๊แอน” ก็ได้ออกมาคอนเฟิร์มประเด็นดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าตนยังถือไลเซนส์ JKN18 ตามเดิม และจะนำเงินที่ได้ไปเสริมสภาพคล่องกิจการ

กระทั่งถึงวันที่ 27 ก.ย.66 มติที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติให้ขยายวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้รุ่น JKN239A โดยไม่ถือเป็นเหตุผิดนัด จึงทำให้หุ้นกู้รุ่น JKN239A ขยายวันครบกำหนดไถ่ถอนเป็นวันที่ 23 ก.พ. 67 จากเดิมที่ครบกำหนดไถ่ถอน 1 ก.ย. 66 ซึ่งทาง JKN จะมีการชำระคืนเงินต้นหุ้นกู้รุ่น JKN239A บางส่วนพร้อมดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยใหม่จำนวน 19.50 ล้านบาท ในวันที่ 15 ธ.ค. 66 ทำให้คงเหลือเงินต้นที่ต้องชำระจำนวน 432.45 ล้านบาท

ขณะเดียวกันที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ได้โหวตอนุมัติให้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้รุ่น JKN239A เป็น 7% ต่อปี จากเดิมที่ 6.60% ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้รุ่น JKN239A ในอัตราใหม่จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันครบกำหนดไถ่ถอนเดิม ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 66 จนถึงวันที่ 23 ก.พ. 67 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ใหม่

อย่างไรก็ดี ก็มีเหตุให้หุ้น JKN ดิ่งลงฟลอร์อีกครั้ง หลังบริษัทประกาศยื่นขอฟื้นฟูกิจการเพื่อแก้วิกฤตสภาพคล่อง และถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แขวนเครื่องหมาย C หลังจากที่ศาลรับคำร้องแผนฟื้นฟูกิจการ ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ก็ได้ออกมาเตือนนักลงทุนให้ระวังการซื้อขายหุ้น JKN เช่นเดียวกัน

ถัดมาได้มีประเด็นใหม่ขึ้นมาอีก หลังบรรดากรรมการของบริษัทต่างพากันลาออกรวม 5 ราย โดยอ้างเหตุผลด้านสุขภาพ และติดภารกิจส่วนตัว และต่อเนื่องอีกประเด็นใหญ่ที่ผุดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน นั่นคือการจงใจไม่เรียก 2 กรรมการเข้าร่วมอนุมัติการขอยื่นฟื้นฟูกิจการ เป็นเหตุให้ทาง ตลท. ต้องออกมาจี้ให้ JKN ชี้แจงในประเด็นดังกล่าวโดยด่วน

เรื่องเก่ายังไม่ทันซา เรื่องใหม่ก็มาอีกระลอก เมื่อโจทก์หน้าใหม่ปรากฏตัวขึ้นมา อย่าง บริษัท ที ซี จี โซเชียล มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (TCG Social Media Group) ซึ่งยื่นฟ้อง JKN ในข้อหายักยอกทรัพย์ หลังทราบจากพนักงานของโรงงานผลิตเครื่องดื่ม บริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจ จำกัด ที่ทาง JKN และ ทีซีจี เป็นผู้ถือหุ้นร่วมกัน ซึ่งมาทราบภายหลังว่า JKN ได้ทำการปิดดำเนินการบริษัท และขนย้ายทรัพย์สินบางส่วนออก โดยไม่มีการแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบ ทั้งการปิดโรงงาน ลอยแพพนักงานหลายสิบชีวิต ทำให้บริษัท ที ซี จี ซึ่งถือหุ้นอยู่ 40% ได้รับความเสียหายไปด้วย

โดยประเด็นดังกล่าว “เจ๊แอน” ได้ออกมาชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง และเตรียมฟ้องกลับพร้อมเรียกค่าเสียหายกว่า 2.5 พันล้านบาท เพื่อเป็นการกอบกู้ศักดิ์ศรีและความน่าเชื่อถือกลับมา

ส่วนเรื่องหุ้นกู้ขณะนี้ยังคาราคาซังอยู่ “เจ๊แอน” ก็ได้ออกมาให้คำมั่นว่าจะไม่หนีอย่างแน่นอน และคาดการณ์ว่าแผนฟื้นฟูกิจการจะได้รับการอนุมัติและดำเนินการจากศาลภายใน 1 ปี  ส่วนการชำระเงินคืนให้เจ้าหนี้ขึ้นอยู่กับการทำธุรกิจที่ได้รับกระแสเงินสด ซึ่งบริษัทฯ ยืนยันว่าจะพยายามชำระเงินคืนให้กับเจ้าหนี้ให้ได้มากที่สุด

ท้ายสุด “เจ๊แอน” ขอยืนยันว่า JKN ได้ตัดสินใจในการเข้าสู่แผนฟื้นฟู เพื่อเราต้องการจะดูแลทั้งผู้ถือหุ้นและผู้ถือหุ้นกู้ ให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจริงๆ ได้รับเงิน ได้รับความยุติธรรมจากเราอย่างสูงที่สุด เพราะมันหมายถึงการที่เรายืนหยัดอยู่ตรงนี้ และทำงาน และคืนเงินให้กับทุกท่าน ไม่ได้ไปไหน จึงอยากขอโอกาส ขอความร่วมมือให้ทุกท่านได้ให้เวลาพวกเรา ให้ความเชื่อมั่นกับเรา เพื่อคืนเงินให้กับทุกท่านอย่างยุติธรรม

Back to top button