โบรกอัพคำแนะนำ “ซื้อ” GPSC-BGRIM ลุ้นมาร์จิ้นปีนี้โต 3%

โบรกปรับคำแนะนำ “ซื้อ” GPSC- BGRIM ได้รับประโยชน์จากต้นทุนพลังงานที่ลดลงดันมาร์จิ้นปีนี้เติบโตราว 2–3% พร้อมคาดกำไรปีนี้ถึงปี 68 เติบโตต่อเนื่อง


บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKPS ระบุในบทวิเคราะห์ว่า โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มสาธารณูปโภคของไทยมากขึ้นในปี 2567 หลังจากที่มีผลงานต่ำกว่าตลาดในปีที่ผ่านมา มาจากปัจจัยหลายด้านที่เป็นแรงต้าน อย่างไรก็ตามในปี 2567 ยังมีแรงผลักดัน จากกรณีของบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวลดลง และต้นทุนพลังงานที่ลดลง จะช่วยให้มีความเสี่ยงต่อมาตรการจากภาครัฐที่ลดลงและมาร์จิ้นที่กว้างขึ้นจากมาตรการช่วยเหลือด้านพลังงานในปี 2568

ทั้งนี้สองปัจจัยดังกล่าวจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่ดีให้กับกลุ่มสาธารณูปโภคของไทย ขณะที่ฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่า บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM และ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC จะได้รับประโยชน์โดยตรงจึงปรับคำแนะนำทั้งสองหุ้นจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” ในขณะที่ยังคงคำแนะนำถือ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO และ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH

นอกจากนี้ ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มมาร์จิ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานร่วม โดยคาดการณ์ว่า BGRIM และ GPSC จะเห็นการเติบโตของมาร์จิ้นราว 2–3% เทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน จากแนวโน้มต้นทุนพลังงานที่ลดลง หลังราคาน้ำมันดิบลดลงอย่างต่อเนื่อง และจากแนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ทรงตัวซึ่งส่งผลให้ต้นทุนก๊าซสำหรับอ่าวไทยลดลง

ทั้งนี้ จึงเชื่อว่าราคา pool gas จะลดลงจาก 476 บาท ต่อ 1 ล้านBTU ในปี 2565 มาสู่ระดับ 327 บาท ต่อ 1 ล้านBTU ในปี 2568 โดยส่วนนี้จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะถูกการเข้าแทรกแซงจากรัฐบาล

นอกจากนั้นแล้วยังมีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ลดลง ซึ่งนักฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นด้วยเช่นกัน โดยคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยในปี 2567 ลดลงทั้งหมด 1% ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ของไทยลดลงด้วยเช่นกันและแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้น

สำหรับเหตุผลข้างต้น ส่งผลให้ฝ่ายวิเคราะห์ปรับคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” สำหรับ BGRIM ให้ราคาพื้นฐาน 32 บาท และ GPSC ราคาพื้นฐาน 59 บาท ซึ่งทั้งสองบริษัทจะได้รับผลบวกจากมาตรการช่วยเหลือจาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในด้านต้นทุนพลังงาน จะช่วยขยายมาร์จิ้นและเป็นปัจจัยบวกที่แข็งแกร่งต่อราคาหุ้นได้

โดยคาดการณ์กำไรสุทธิของ BGRIM ในปี 2566 จะอยู่ที่ 2.14 พันล้านบาท และกำไรสุทธิในปี 2567 จะอยู่ที่ 2.13 พันล้านบาท ก่อนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2.73 พันล้านบาทในปี 2568

ขณะที่คาดการณ์กำไรสุทธิของ GPSC ในปี 2566 จะอยู่ที่ 4.4 พันล้านบาท และประเมินกำไรสุทธิในปี 2567 จะอยู่ที่ 6.31 พันล้านบาท และในปี 2568 ประเมินกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 8.41 พันล้านบาท

ทั้งนี้ หากราคาน้ำมันดิบและราคาก๊าซปรับตัวลดลงอย่างมากในอนาคตจากการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ก็จะเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อราคาหุ้นได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามหากต้นทุนน้ำมันและบอนด์ยีลด์สูงขึ้นก็จะเป็นปัจจัยลบต่อราคาหุ้นเช่นกัน

Back to top button