โบรกเชียร์ซื้อ PTTEP อัพเป้าใหม่ 170 บ. หลังกำไร Q4 โตแกร่ง เคาะปันผล 5.25 บาท

CLSA ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” PTTEP อัพราคาเป้าหมายใหม่ 170 บาท หลังเปิดงบไตรมาส 4/66 กำไรโตแกร่ง 17% แตะ 1.83 หมื่นล้านบาท เตรียมจ่ายเงินปันผล 5.25 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD 19 ก.พ. 67 ลุ้นยอดการผลิต-ต้นทุนที่ลดลงดันรายได้ปีนี้แตะ 3.11 แสนล้านบาท


บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CLSA ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ความชัดเจนของผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นสำหรับ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เนื่องจากกำไรสุทธิในไตรมาส 4/2566 แข็งแกร่งอยู่ที่ 1.83 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน แม้ว่าจะมีการตั้งด้อยค่าและการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ออกไป

ขณะที่แหล่งเอราวัณนั้นกำลังขยายการผลิตให้ถึง 800 mmscfd ในช่วงเดือนเมษายนปีนี้ โดย PTTEP ระบุว่าจะเห็นยอดขายในไตรมาส 1/2567 ต่ำลงจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ปริมาณจะสูงขึ้นเมื่อมองตัวเลขทั้งปี ซึ่งส่งผลให้ฝ่ายนักวิเคราะห์ปรับคำแนะนำจากขาย เป็น “ซื้อ”  และเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 170 บาท จากเดิม 155 บาท นอกจากนั้นแล้วบริษัทยังประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 5.25 บาท  โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่ดีในไตรมาส 4/2566 นั้นมาจากยอดขาย 475,000 boed เทียบกับ 467,000 boed ในไตรมาส 3/2566  ส่วนราคาน้ำมันดิบและคอนเดนเสทนั้นอยู่ที่ 81.9 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่ราคาก๊าซอยู่ที่ 5.9 ดอลลาร์/MMBtu เทียบกับ 5.8 ดอลลาร์/MMBtu ในไตรมาส 3/2566 ส่วนรายได้จากการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน (Hedging) นั้นอยู่ที่ 460 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุน 665 ล้านบาทในไตรมาสก่อนหน้า สำหรับปริมาณยอดขายที่สูงขึ้นนั้นมาจากการผลิตจากแหล่งบงกชที่เพิ่มขึ้น โดยราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 48.4 ดอลลาร์/boe เทียบกับ 48.6 ดอลลาร์/boe ในไตรมาส 3/2566 ส่วนต้นทุนต่อหน่วยอยู่ที่ 28.9 ดอลลาร์/boe เทียบกับ 29.1ดอลลาร์/boe ในไตรมาส 3/2566 จากต้นทุนการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายในการสำรวจที่ลดลง

อย่างไรก็ตาม PTTEP มีการตั้งด้อยค่าสำหรับความล่าช้าในโครงการโมซัมบิก 120 ล้านดอลลาร์และตัดจำหน่ายหลุมสำรวจและต้นทุนของโครงการเอซี/อาร์แอล 12 (Oliver) อีก 50 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ยังมีกำไรจากการขายสัดส่วนการลงทุนในโครงการเอซี/อาร์แอล 7 (Cash-Maple) จำนวน 73 ล้านดอลลาร์ โดย PTTEP ยังเหลือมูลค่าทางบัญชี (book value) ในออสเตรเลียอยู่ 30 ล้านดาลลาร์ ณ สิ้นปี 2566 ส่งผลให้ PTTEP รายงานกำไรสุทธิทั้งปีอยู่ที่ 7.67 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.2%

นอกจากนั้น CLSA ยังระบุอีกว่า PTTEP มีการผลิตก๊าซ 400mmscfd ในเดือนมกราคม และจะเพิ่มขึ้นเป็น 500mmscfd ในเดือนกุมภาพันธ์ 550mmscfd ในเดือนมีนาคม และ 800mmscfd ในเดือนเมษายน โดย ณ สิ้นปี 2566 PTTEP มีปริมาณน้ำมันภายใต้การประกันความเสี่ยงจำนวน 3.6 ล้านบาร์เรล โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 80-105 ดอลลาร์/บาร์เรล

ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารของ PTTEP ระบุว่าจะเห็นปริมาณยอดขายที่ลดลงมาอยู่ที่ 473,000 boed ในไตรมาส 1/2567 จากปริมาณที่ลดลงในโครงการที่แอลจีเรีย และมาเลเซีย ในขณะที่ราคาก๊าซคาดว่าจะอยู่ที่ 5.8 ดอลลาร์/mmbtu อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ปริมาณยอดขายทั้งปีจะสูงขึ้น 9.3% แตะ 505,000 boed  โดย PTTEP คาดว่าราคาก๊าซเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 5.7 ดอลลาร์ (อ้างอิงจากราคาน้ำมันดิบดูไบที่ 70-75 ดอลลาร์/บาร์เรล เทียบกับ 6.0 ดอลลาร์ เมื่อปี 2566 ส่วนต้นทุนต่อหน่วยในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 28-29 ดอลลาร์/boe เทียบกับ 27.7 ดอลลาร์/boe ในปีที่แล้ว

โดย CLSA ระบุว่า PTTEP มีแนวโน้มกำไรที่ชัดเจนและแข็งแกร่งในปี 2567-2568 ซึ่งมีแรงมีผลักดันจากยอดการผลิตที่สูงขึ้น รวมทั้งราคาก๊าซ และน้ำมันที่อ่อนตัวลง โดยคาดว่ารายได้ในปี 2567-2568 จะอยู่ที่ 3.11 แสนล้านบาท และ 3.13 แสนล้านบาท ส่วนกำไรจะอยู่ที่ 7.07 หมื่นล้านบาท และ 6.88 หมื่นล้านบาท

Back to top button