GFC กำไรปี 66 พุ่ง 18% แตะ 77 ล้านบาท เคาะปันผล 0.13 บาท ขึ้น XD 11 มี.ค.นี้

GFC อวดกำไรปี 66 “ออลไทม์ไฮ” พุ่ง 18% แตะ 77 ล้านบาท เคาะปันผล 0.13 บาท เตรียมขึ้น XD วันที่ 11 มี.ค.นี้ ปักหมุดปี 67 เตรียมเปิด 2 แลนด์มาร์คใหม่ “พระราม 9 สุวรรณภูมิ – อุบลราชธานี” มุ่งสู่การสร้าง New S-Curve สอดรับแผนโรดแมป 3 ปี ดันรายได้พุ่ง 20-40%


นายกรพัส อัจฉริยมานีกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC ผู้ให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากแบบครบวงจร เปิดเผยว่า จากอัตราผู้เข้ารับการรักษาภาวะผู้มีบุตรยากในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ช่วงเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากผู้เข้ารับบริการเพื่อรักษาผู้มีบุตรยากกับทาง GFC ตั้งแต่การรับบริการตรวจเบื้องต้น, การรักษาด้วยวิธี IUI, การรักษาด้วยวิธี ICSI, การตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน NGS และการฝากไข่ เพิ่มสูงขึ้นหนุนผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2566 มีรายได้จากการให้บริการดังกล่าวแตะ 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรายไตรมาส รับอานิสงส์จากการได้รับความไว้วางใจจากผู้เข้ารับการรักษาวางแผนอยากมีบุตรผ่านแผนการตลาดต่างๆ และกระแสมีลูกปีมังกรจึงทำให้ดีมานด์สูงขึ้นอย่างชัดเจน

ทั้งนี้จากผลงานในช่วงไตรมาส 4/2566 ที่เติบโตโดดเด่นส่งผลให้ภาพรวมของผลประกอบการทั้งปี 2566 ท็อปฟอร์มสร้างสถิติสูงสุดใหม่ All Time High โดยมีรายได้รวม 100.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิที่ 22.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสาเหตุที่ผลการดำเนินงานแตะ New High เนื่องจากบริษัทฯ ปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มศักยภาพการรองรับลูกค้า อาทิ เพิ่มจำนวนแพทย์สำหรับรองรับคนไข้ที่เข้ารับการรักษา จัดตารางคิวที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้คนไข้ในการเข้ารับบริการ และล่าสุดขยายพื้นที่เพิ่มเติมโซนอาคารหลังคลินิกสาขาพระราม 3 เพื่อรองรับดีมานด์ผู้เข้ารับการรักษาผู้มีบุตรยากทั้งในประเทศและต่างประเทศ

อีกทั้งควบคู่การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Facebook , Line, Instagram , TikTok , Twitter และ YouTube รวมถึงมีฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์เพื่อรับคำปรึกษา แนะนําดูแลลูกค้าตลอดขั้นตอนการรักษาเพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้ที่มีปัญหาการมีบุตรยากได้รู้จัก GFC มากขึ้น ซึ่งจากแผนการปรับกระบวนทัพดังกล่าวตอกย้ำความสำเร็จที่สะท้อนออกมาในรูปผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และในวันเดียวกันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาอนุมัติการจ่ายปันผลงวดไตรมาส 4 ปี 2566 (ต.ค.-ธ.ค.) อัตราหุ้นละ 0.13 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 28.60 ล้านบาท โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 12 มีนาคม 2567 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 11 มีนาคม 2567 เพื่อดำเนินการจ่ายปันผลในวันที่ 25 มีนาคม 2567

นายกรพัส กล่าวว่า แผนธุรกิจปี 2567 จากตัวเลขผลการดำเนินงานที่ทำสถิติใหม่สูงสุด ประกอบกับทิศทางธุรกิจการรักษาผู้มีบุตรยากเป็นเทรนด์ของโลก บริษัทฯ ได้วางโรดแมปและการเติบโต 3 ปีข้างหน้า (2567-2569) สู่การสร้าง New S-Curve ที่มีโอกาสจะโตได้ 20-40% โดยในปีนี้ GFC ตั้งเป้าอัตราการเติบโตสูงระหว่าง 20-40%

ขณะที่ในปี 2568 คาดจะเติบโตต่อเนื่อง 35% จากฐานในปีนี้ ส่วนปี 2569 คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ระดับ 20% ซึ่งการเติบโตดังกล่าวมาจากการขยาย 2 สาขาใหม่ ประกอบด้วย สาขาสุวรรณภูมิ-พระราม 9 และสาขาอุบลราชธานี ที่คาดการณ์ว่าจะเปิดให้บริการได้ปลายไตรมาส 2/2567 โดยทั้ง 2 สาขาจะสร้างรายได้เพิ่มเข้ามาให้กับ GFC ทันที และเชื่อว่าทั้ง 2 สาขาเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่สำหรับรองรับผู้เข้ารับการรักษาและเข้ารับคำปรึกษาผู้มีบุตรยากทั้งกลุ่มคนไทยและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งสถานที่ทั้ง 2 แห่ง อยู่ในแหล่งโลจิติกส์ทางด้านคมนาคมโดยเฉพาะสนามบิน ซึ่งเป็นหัวใจหลักสำคัญสำหรับการเดินทางเข้ารับการรักษา ดังนั้นบริษัทฯ เชื่อว่าทุกสาขาของ GFC จะสามารถตอบโจทย์ผู้ใช้บริการที่เข้ารับการรักษาผู้มีบุตรยากได้ครอบครบทุกมิติ

โดย สาขาสุวรรณภูมิ-พระราม 9 แลนด์มาร์คที่สำคัญของกรุงเทพฯ สู่การยกระดับการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยากครอบคลุมแบบครบวงจรมากยิ่งขึ้น อาทิ การเปิดรับลูกค้าต่างประเทศ ห้องวิจัยและห้องปฏิบัติการสำหรับนักวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยห้องประชุมสัมมนาวิชาการทางการแพทย์ ศูนย์ฝึกอบรมนักเทคนิคการแพทย์ภายในของกลุ่มบริษัท (In-house training) และ สาขาอุบลราชธานี ใช้มาตรฐานเดียวกันทั้งหมดกับสาขาพระราม 3 และสาขาพระราม 9 ซึ่งจะเป็นการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยากครอบคลุมแบบครบวงจร โดยมีแพทย์เฉพาะทางด้านการเจริญพันธุ์ และนักวิทยาศาสตร์เป็นของตนเอง มีห้องวิจัย และปฏิบัติการสำหรับตัวอ่อน ห้องตรวจ 2 ห้อง ห้องผ่าตัด 1 ห้อง ห้องพักฟื้น 2 เตียง เป็นต้น

“ความสำเร็จของ GFC สะท้อนถึงศักยภาพความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวช และเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ที่มีประสบการณ์ด้านการให้บริการทางการแพทย์ผู้มีปัญหามีบุตรยาก ทำให้วันนี้ได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากกลุ่มลูกค้าในการเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของครอบครัวที่เข้ารับการรักษาผู้มีบุตรยาก เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้วัดกันที่ Success Rate หรืออัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ ซึ่ง GFC มีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์สูงกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงผลประกอบการสู่  All Time High” นายกรพัส กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button