เปิดงบ “สยามพิวรรธน์” ย้อนหลัง 5 ปี โชว์ “รายได้-กำไร” แกร่ง! สภาพคล่องสูง

เปิดงบ “สยามพิวรรธน์” ย้อนหลัง 5 ปี ผลงานเลิศโชว์ “รายได้-กำไร” แกร่ง! สภาพคล่องสูง ตอกย้ำเจ้าของศูนย์การค้าระดับไฮเอนด์หลายแห่ง รวมถึงสยามพารากอน และไอคอนสยาม หลังมีข่าวเตรียมเสนอขายหุ้น IPO ครั้งใหญ่ที่สุดของไทยในรอบ 2 ปี มูลค่าระดมทุนราว 1.7-2.7 หมื่นล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 มี.ค. 67) จากกรณีสำนักข่าวบลูมเบิร์กตีข่าวว่า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด หรือ SPW กำลังพิจารณาที่จะเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งจะเป็นการทำไอพีโอครั้งใหญ่ที่สุดของไทยในรอบ 2 ปี โดยเป้าหมายระดมทุนราว 500-750 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.7-2.7 หมื่นล้านบาท แต่ยังอยู่ในขั้นตอนของการตัดสินใจที่ยังไม่ได้ข้อสรุป

อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้เมื่อเดือนก.ย. 2565 ที่ผ่านมา สนามพิวรรธน์มีแผนจะขยายธุรกิจทั้งในไทยและภูมิภาคเอเชีย โดยได้แต่งตั้ง บล. เกียรตินาคินภัทร และบล.กสิกรไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการขยายธุรกิจและการระดมเงินทุน รวมถึงความเป็นไปได้ในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย

สำหรับบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เป็นบริษัทธุรกิจค้าปลีกและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ปัจจุบันเป็นเจ้าของและบริหารกิจการศูนย์การค้า ได้แก่ สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามพารากอน ไอคอนสยาม และสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต

ทั้งนี้ บริษัทสยามพิวรรธน์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2502 โดยใช้ชื่อในเวลานั้นว่า บริษัท บางกอกอินเตอร์คอนติเนนตอลโฮเต็ลส จำกัด ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทสยามพิวรรธน์ในปี 2546 และเป็นเจ้าของศูนย์การค้าระดับไฮเอนด์หลายแห่ง รวมถึงสยามพารากอน และไอคอนสยาม

ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาปี 2561-2565 พบว่ารายได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สำหรับในปี 2561 มีรายได้รวม 3,652.87 ล้านบาท ต่อมาในปี 2562 มีรายได้รวม 3,824.41 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2563 มีรายได้รวม 3,007.46 ล้านบาท ส่วนในปี 2564 มีรายได้รวม 2,590.61 ล้านบาท และในปี 2565 มีรายได้รวม 4,113.57 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิเติบโตสม่ำเสมอเป็นต้นมาระหว่างปี 2561-2565 พบว่า ในปี 2561 มีกำไรสุทธิ 1,039.98 ล้านบาท ต่อมาในปี 2562 มีกำไรสุทธิ 1,195.26 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2563 มีกำไรสุทธิ 633.77 ล้านบาท ส่วนในปี 2564 มีกำไรสุทธิ 267.59 ล้านบาท  และในปี 2565 มีกำไรสุทธิ 1,330.10 ล้านบาท

ขณะเดียวกันสิ่งที่น่าสนใจนอกเหนือจากผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่งแล้ว เมื่อดูในส่วนของอัตราส่วนทุนหมุนเวียน (Current Ratio) 5 ปีย้อนหลังระหว่างปี 2561-2565 พบว่า ในปี 2561 อยู่ที่ 5.37 เท่า ต่อมาในปี 2562 อยู่ที่ 10.39 เท่า ส่วนในปี 2563 อยู่ที่ 2.81 เท่า นอกจากนี้ในปี 2564 อยู่ที่ 2.86 เท่า และในปี 2565 อยู่ที่ 3.92 เท่า แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีสภาพคล่องค่อนข้างมาก

Back to top button